เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 53
สศก.แจงสถานการณ์ราคาสินค้าเกษตรสัปดาห์สุดท้ายเดือนมิถุนายน ส่วนใหญ่ราคาปรับตัวสูงขึ้นเนื่องจากผลผลิตออกสู่ตลาดลดลง ส่วนไข่ไก่ราคาสูงเพราะสภาพอากาศร้อนทำให้เปอร์เซ็นต์การให้ไข่ของแม่ไก่ลดลง จับตาเดือนกรกฎาคมผลไม้ทะลักเข้าสู่ตลาดมาก
นายอภิชาต จงสกุล เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงสถานการณ์ราคาสินค้าเกษตรประจำสัปดาห์ที่ 4 ของเดือนมิถุนายน 2553 ว่า ราคาสินค้าเกษตรที่เกษตรกรขายได้ ณ ไร่นาสัปดาห์นี้ สินค้าส่วนใหญ่ราคาปรับตัวสูงขึ้นเกือบทุกชนิด โดยพบว่า ข้าวนาปรัง มันสำปะหลัง ปาล์มน้ำมัน และผลไม้ ราคาสูงขึ้นเนื่องจากผลผลิตออกสู่ตลาดลดลง ส่วนไข่ไก่ ราคาสูงขึ้นเนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาสภาพอากาศร้อนจัด กินอาหารได้น้อย เปอร์เซ็นต์การให้ไข่ของแม่ไก่ลดลงและผลผลิตไข่ไก่มีขนาดเล็กลง นอกจากนี้ บางพื้นที่ยังขาดน้ำสะอาด เพื่อใช้ในการเลี้ยงไก่ สำหรับไก่เนื้อ สัปดาห์นี้ราคาปรับตัวลดลงเล็กน้อย
โดยแนวโน้มการผลิตสินค้าเกษตรของเดือนกรกฎาคม 53 คาดว่า สินค้าที่ออกสู่ตลาดมาก ส่วนใหญ่ยังคงเป็นผลไม้ชนิดต่างๆ โดยผลผลิตทุเรียนจะออกสู่ตลาดในเดือนกรกฎาคม 47,089 ตัน คิดเป็นร้อยละ 7.82 ส่วนเงาะ 48,490 ตัน คิดเป็นร้อยละ 14.18 มังคุด 31,954 ตัน คิดเป็นร้อยละ 12.38 ลองกอง 13,524 ตัน คิดเป็นร้อยละ 8.41 ลำไย 18,266 ตัน คิดเป็นร้อยละ 31.98 ข้าวนาปรัง 1.13 ล้านตัน คิดเป็นร้อยละ 13.70 และไข่ไก่ 821,503,000 ล้านฟอง คิดเป็นร้อยละ 8.42 ของผลผลิตแต่ละชนิดที่จะออกทั้งหมดในปี 2553
อย่างไรก็ตาม คาดว่าราคาสินค้าเกษตรจะยังคงไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก โดยลำไยราคาอาจจะปรับตัวลดลง เนื่องจากลำไยภาคเหนือจะออกสู่ตลาดมากขึ้น ส่วนยางพารา คาดว่าราคาจะไม่เปลี่ยนแปลงมากนักและยังคงเคลื่อนไหวอยู่ในระดับดี สำหรับไข่ไก่คาดว่าราคาจะปรับตัวลดลงหลังจากสภาพอากาศเย็นลง ซึ่งทำให้ผลผลิตไข่ไก่เพิ่มมากขึ้น ประกอบกับภาครัฐได้มีนโยบายในการบริหารจัดการไข่ไก่ทั้งระบบเพื่อให้ราคาไข่ไก่มีเสถียรภาพมากขึ้นแล้ว
ที่มา : หนังสือพิมพ์แนวหน้า วันที่ 5 กรกฎาคม 2553
http://www.naewna.com/news.asp?ID=217903