เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 53
นายธวัชชัย สำโรงวัฒนา อธิบดีกรมพัฒนาที่ดิน เปิดเผยว่า ช่วงนี้เป็นช่วงฤดูฝนมีฝนตกหนักถึงหนักมากในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน มีน้ำป่าไหลหลากและดินโคลนถล่มในพื้นที่ลาดเทใกล้เชิงเขา กรมฯขอแนะนำให้ปลูกหญ้าแฝกซึ่งถือเป็นพืชมงคลพระราชทานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสามารถป้องกันการชะล้างพังทลายของดินได้อย่างมีประสิทธิภาพแต่ประหยัด โดยช่วงเวลาที่เหมาะสมในการปลูกหญ้าแฝกให้ประสบผลสำเร็จ มีอัตรารอดสูงนั้นจะอยู่ในช่วงฤดูฝน
หัวใจสำคัญของการปลูกหญ้าแฝกจะต้องทำให้หญ้าแฝกแตกกอให้ได้ เพื่อที่จะเป็นคันดินธรรมชาติที่สามารถขวางลดชะลอความเร็วของน้ำที่ไหลบ่าได้ อีกทั้งระบบรากหญ้าแฝกที่มีลักษณะเหยียดตรงมีความยาว 1-3 เมตร ถ้าได้มีการนำมาปลูกในบริเวณพื้นที่ลาดเทลาดชันหรือเชิงเขาจะทำหน้าที่ช่วยยึดดินได้อย่างดีเยี่ยม เป็นการช่วยลดหรือป้องกันการเคลื่อนตัวของดิน นอกจากนั้นถ้าปลูกในพื้นที่ทำการเกษตรก็จะช่วยปรับปรุงบำรุงดินได้อย่างดี เพราะระบบรากหญ้าแฝกจะมีจุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์ต่อจุลินทรีย์ที่อาศัยอยู่ในดินเป็นจำนวนมาก ทำให้ดินมีความชุ่มชื้นอุดมสมบูรณ์ขึ้น
อธิบดีกรมพัฒนาที่ดิน กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้กรมได้จัดตั้งสถาบันวิจัยและพัฒนาหญ้าแฝกขึ้นมา เพื่อเป็นหน่วยงานดูแล ตรวจสอบและดำเนินกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการใช้ประโยชน์หญ้าแฝกเพื่อการพัฒนาที่ดินตามแนวพระราชดำริในด้านต่างๆ เช่น การใช้ประโยชน์หญ้าแฝกเพื่อการอนุรักษ์ดินและน้ำ การฟื้นฟูทรัพยากรดินและการรักษาสิ่งแวดล้อม ซึ่งสถาบันดังกล่าวจะทำให้เกิดการพัฒนาเรื่องหญ้าแฝกอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพมากขึ้น สามารถถ่ายทอดข้อมูลการใช้ประโยชน์หญ้าแฝกที่เหมาะสมไปสู่เกษตรกรและประชาชนอย่างแพร่หลาย โดยในปี 2554 ตั้งเป้าผลิตหญ้าแฝกเพื่อปลูกและแจกจ่ายรวม 270 ล้านกล้า ครอบคลุมพื้นที่ 675,000 ไร่ กระจายไปทั่วประเทศ ถ้าท่านใดสนใจสามารถขอรับความรู้เกี่ยวกับวิธีการปลูก การดูแลรักษา ตลอดจนขอรับพันธุ์กล้าหญ้าแฝกได้ฟรีที่สถาบันวิจัยและพัฒนาหญ้าแฝก กรมพัฒนาที่ดิน หรือสำนักงานพัฒนาที่ดินเขตทุกแห่ง สถานีพัฒนาที่ดินและหมอดินอาสา
ที่มา : หนังสือพิมพ์แนวหน้า วันที่ 14 กรกฎาคม 2553
http://www.naewna.com/news.asp?ID=219151