หนุนเกษตรกรปลูกไม้เศรษฐกิจ
เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 53
หนุนเกษตรกรปลูกไม้เศรษฐกิจ
การปลูกสวนป่าไม้เศรษฐกิจ การปลูกไม้โตเร็ว เป็นอีกอาชีพหนึ่งที่มีอนาคต และควรได้รับการส่งเสริมเพราะสนองตอบ ทั้งด้านเศรษฐกิจ ด้านสังคม และด้านสิ่งแวดล้อม กรมป่าไม้จึงได้เปิดโครงการ ส่งเสริมปลูกต้นไม้เพื่อเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ตามแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจระยะปานกลาง (พ.ศ.2533-2555) ตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง โดยเปิดให้เกษตรกรร่วมโครงการ ได้รับการ สนับสนุนกล้าไม้ไร่ละ 400 ต้น พร้อมค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาอีกไร่ละ 2,500 บาท เปิดให้เกษตรกรสมัครเข้าร่วมโครงการแล้ว ทั่วประเทศเพียง 75,000 ไร่เท่านั้น
สำหรับโครงการ “ส่งเสริมการปลูกต้นไม้เพื่อเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ตามแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจระยะปานกลาง (พ.ศ.2553-2555)” เป็นโครงการที่กรมป่าไม้ โดยสำนักส่งเสริมการปลูกป่า ส่วนปลูกป่าเอกชน ได้รับงบประมาณดำเนินการประจำปี 2553 ภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็งของรัฐบาล ที่ต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยให้ประชาชนในท้องถิ่นได้มีงานทำ มีรายได้ จากการปลูกไม้โตเร็ว และไม้เศรษฐกิจมีค่า ในขณะเดียวกันก็ช่วยเพิ่มพื้นที่ป่าไม้แก้ปัญหาภาวะโลกร้อน โดยมีเป้าหมายที่จะดำเนินการส่งเสริมการปลูกในพื้นที่ 75,000 ไร่ คาดว่าราษฎรที่ได้รับผลประโยชน์ 10,000 ครอบครัว โดยได้รับงบประมาณไทยเข้มแข็ง 240 ล้านบาท
สำหรับคุณสมบัติของผู้ที่จะเข้าร่วมโครงการต้องเป็นผู้มีกรรมสิทธิ์ หรือสิทธิครอบครองที่ดิน จะเป็นบุคคลธรรมดา หรือเป็นนิติบุคคลก็ได้ มีที่ดินตั้งแต่ 1 ไร่ แต่ไม่เกิน 50 ไร่ แต่ต้องเป็นที่ดินที่ไม่เคยเข้า ร่วมหรือได้รับการสนับสนุนในโครงการอื่น ๆของกรมป่าไม้มาก่อน หรือหากได้รับการ สนับสนุนต้องสิ้นสุดการรับเงินมาแล้วไม่น้อยกว่า 2 ปี ก่อนวันที่ยื่นคำขอเข้าร่วมโครงการ
ทั้งนี้ผู้เข้าร่วมโครงการจะได้รับการสนับสนุนกล้าไม้จากกรมป่าไม้ โดยต้องปลูกต้นไม้โตเร็วและไม้เศรษฐกิจ รวมกันเฉลี่ยจำนวน 400 ต้นต่อไร่ ดังนี้ (1) ไม้โตเร็วเพื่อเป็นเชื้อเพลิง และเป็นวัตถุดิบในการผลิตเยื่อและกระดาษ ได้แก่ ยูคาลิปตัส กระถินเทพา กระถินณรงค์ กระถินยักษ์ สะเดา โดยปลูกเฉลี่ยไม่น้อยกว่า 300 ต้นต่อไร่ แต่ไม่เกิน 340 ต้นต่อไร่ และ (2) ไม้เศรษฐกิจเพื่อผลิตเป็นไม้แปรรูป เฟอร์นิเจอร์ และอุตสาหกรรมไม้ชนิดต่าง ๆ จำนวน 9 ชนิด คือ สัก ประดู่ป่า ยางนา กันเกรา พะยูง ตะเคียนทอง จำปาป่า แดง มะค่าโมง โดยปลูกเฉลี่ยไม่น้อยกว่า 60 ต้นต่อไร่ แต่ไม่เกิน 100 ต้นต่อไร่
นอกจากนี้กรมป่าไม้ยังได้สนับสนุนเงินทุนไร่ละ 2,500 บาท โดยแบ่งจ่าย 2 ปี คือปีแรก จ่ายไร่ละ 1,500 บาท เมื่อดำเนินการปลูกต้นไม้ตามหลักเกณฑ์โครงการเสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยใช้งบไทยเข้มแข็ง 2555 และปีที่ 2 จ่ายไร่ละ 1,000 บาท เมื่อได้ดำเนินการกำจัดวัชพืช ปลูกซ่อม และพรวนดินเสร็จเรียบร้อยแล้วโดยใช้งบประมาณ ประจำปี 2554 ของกรมป่าไม้
สำหรับการประมาณการผลตอบแทนเกษตรกรที่ปลูกไม้โตเร็วจะตัดไม้ขายได้ครั้งแรกเมื่ออายุ 4-5 ปี ในอัตรา 10 ตันต่อไร่ ราคาขาย 1,000 บาทต่อตัน ดังนั้นรายได้ครั้งแรกจะเกิดขึ้นในปีที่ 4 ของการปลูก และไม้ที่ตัดแล้วยังสามารถแตกหน่อใหม่ ใช้ประโยชน์ขายได้อีกประมาณ 3 รอบตัดฟัน คือจะตัดได้ทุก 4 ปีอีก 3 ครั้ง สำหรับไม้มีค่าจะเป็นเงินออมให้เกษตรกรได้ในระยะยาว ยิ่งไม้มีอายุยาวนานก็ยิ่งจะมีค่ามากขึ้น ในขณะเดียวกันสภาวะแวดล้อมก็จะดีขึ้น ปรับปรุงคุณภาพสิ่งแวดล้อมและลดภาวะเรือนกระจก ลดภาวะโลกร้อน นอกจากจะได้ผลผลิตไม้ไปใช้ประโยชน์ตามวัตถุประสงค์แล้ว
อย่างไรก็ตามขณะนี้มีประชาชนที่สนใจจำนวนมาก และสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้บางจังหวัดได้ปิดรับสมัครเข้าร่วมโครงการแล้ว ดังนั้น เกษตรกรที่สนใจติดต่อขอรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ส่วนปลูกป่าภาคเอกชน สำนักส่งเสริมการปลูกป่า กรมป่าไม้ โทรศัพท์ 0-2561-4292-3 ต่อ 5503 ในวัน-เวลาราชการ.
ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 14 กรกฎาคม 2553
http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=345&contentID=77734
ข่าวที่เกี่ยวข้อง นำเลี้ยงปูนิ่ม-พัฒนาท่องเที่ยว วิถีสร้างอาชีพของ วชช.เพื่อชุมชน
'ไม้ผลแปลกและหายาก' ที่น่าปลูกในปี พ.ศ.2554
คาดลำไยปีหน้าราคาพุ่ง "ธีระ" ฟุ้งแผนบริหารจัดการดี มุ่งเน้นเดินตามกลไกตลาด
ผลิตปุ๋ยอินทรีย์ใช้เอง ลดต้นทุนการผลิตได้
วช.หนุนวิจัยปลานิล "จิตรลดา3" คุณภาพเหมาะเลี้ยงเชิงพาณิชย์
บริหารนำเข้ากาแฟสำเร็จรูป สกัดผลกระทบเปิดเสรีอาฟตา กษ.จับตาล้นตลาด-ราคาร่วง
วิจัย "ดีเอ็นเอ" แตงกวา มก.พัฒนา ต้านราน้ำค้าง