เตือนผู้ประกอบการส่งออกกุ้งไปสหรัฐและแคนาดา
เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 53
เตือนผู้ประกอบการส่งออกกุ้งไปสหรัฐและแคนาดา
ดร.สมหญิง เปี่ยมสมบูรณ์ อธิบดีกรมประมง กล่าวถึง
กรณีที่ประเทศสหรัฐอเมริกา และแคนาดา ซึ่งเป็นตลาดส่งออกหลักสินค้ากุ้งของประเทศไทย ไม่อนุญาตให้ใช้สารในกลุ่มสารเคมีที่มีฤทธิ์ในการยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียในการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำโดยเฉพาะกุ้งทะเลว่า เนื่องจากประเทศสหรัฐอเมริกาและแคนาดามีความวิตกกังวลต่อสารตกค้าง และผลข้างเคียงต่อผู้บริโภค เมื่อได้รับสารเคมีในกลุ่มดังกล่าว โดยระบุว่า สารเคมีในกลุ่มดังกล่าว เป็นสารเคมีที่มีฤทธิ์ในการยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย ใช้ในการรักษาโรคติดเชื้อแบคทีเรียในสัตว์น้ำ จึงเป็นที่นิยมในกลุ่มเกษตรกร
เนื่องจากมีราคาค่อนข้างต่ำ แต่ให้ผลที่มีประสิทธิภาพสูง ถึงแม้ว่าสารเคมีในกลุ่มดังกล่าวจะได้รับการขึ้นทะเบียนและอนุญาตให้ใช้ในการเลี้ยงสัตว์น้ำ จากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กระทรวงสาธารณสุขของไทย โดยต้องอยู่ในความควบคุมตามฉลากยา คือห้ามนำไปใช้ผิดประเภท แต่ประเทศสหรัฐอเมริกาและแคนาดา ซึ่งเป็นตลาดส่งออกหลักของไทย ได้กำหนดมาตรการในการห้ามนำเข้าสัตว์น้ำที่มีการปนเปื้อนสารเคมีดังกล่าวอย่างเข้มงวด
ทั้งนี้กรมประมงได้ดำเนินการตรวจสอบเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อการส่งออกสินค้าและผลิตภัณฑ์ในภาพรวม ดังนั้นกรมประมงจึงเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบสัตว์น้ำ โดยเพิ่มหน่วยงานรับผิดชอบในพื้นที่ที่มีการผลิตสัตว์น้ำส่งออกสูง จำนวน 6 หน่วยงาน ได้แก่ ศูนย์ศึกษาการพัฒนาประมงอ่าวคุ้งกระเบนฯ ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งพังงา สตูล นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี และศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงกุ้งทะเลจังหวัดสมุทรสงคราม
กรมประมงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากเกษตรกรและผู้เลี้ยงกุ้งในการงดเว้นการใช้สารเคมีในกลุ่มดังกล่าว โดยในเบื้องต้นกรมประมงจะแจ้งเตือนเกษตรกรก่อน หากสุ่มตัวอย่างตรวจพบการปนเปื้อนของสารเคมีดังกล่าว และได้รับผลยืนยันการพบสารตกค้างจากห้องปฏิบัติการ
กรมประมงอาจจะต้องดำเนินการเพิกถอนใบรับรองการปฏิบัติทางการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ (จีเอพี) ต่อไป ทั้งนี้หากมีข้อสงสัยในเรื่องดังกล่าวสามารถสอบถามได้ที่ ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่ง 6 แห่ง ข้างต้น หรือที่สำนักวิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่ง กรมประมง โทรศัพท์ 0-2579- 3683 ในวันและเวลาราชการ.
ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 22 กรกฎาคม 2553
http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=339&contentID=79617
ข่าวที่เกี่ยวข้อง นำเลี้ยงปูนิ่ม-พัฒนาท่องเที่ยว วิถีสร้างอาชีพของ วชช.เพื่อชุมชน
'ไม้ผลแปลกและหายาก' ที่น่าปลูกในปี พ.ศ.2554
คาดลำไยปีหน้าราคาพุ่ง "ธีระ" ฟุ้งแผนบริหารจัดการดี มุ่งเน้นเดินตามกลไกตลาด
ผลิตปุ๋ยอินทรีย์ใช้เอง ลดต้นทุนการผลิตได้
วช.หนุนวิจัยปลานิล "จิตรลดา3" คุณภาพเหมาะเลี้ยงเชิงพาณิชย์
บริหารนำเข้ากาแฟสำเร็จรูป สกัดผลกระทบเปิดเสรีอาฟตา กษ.จับตาล้นตลาด-ราคาร่วง
วิจัย "ดีเอ็นเอ" แตงกวา มก.พัฒนา ต้านราน้ำค้าง