เกษตรอินทรีย์ มีรายได้ตลอดปี
เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 53
เกษตรอินทรีย์ มีรายได้ตลอดปี
“แต่ก่อนไม่รู้เป็นอะไรเจ็บป่วยบ่อยมาก พอไปตรวจเลือดจึงได้รู้ว่ามีสารพิษปนเปื้อนอยู่ในร่างกายเป็นจำนวนมาก นี่คงเป็นผลพวงของการทำเกษตรโดยใช้สารเคมีมาเป็นเวลานาน แต่เมื่อเปลี่ยนมาทำเกษตรอินทรีย์ ร่างกายก็แข็งแรงขึ้น ต้นทุนในการผลิตลดลง เงินเก็บก็เยอะขึ้นด้วย” ลุงสว่าง อินต๊ะ หมอดินอาสาของสถานีพัฒนาที่ดินเชียงใหม่ บ้านท่ากว้าง อ.สารภี จ.เชียงใหม่ เล่าให้ฟัง
ลุงสว่าง เคยทำเกษตรเคมีมาก่อน แต่พอหลังจากได้ไปอบรมและศึกษาดูงานที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้มีการตรวจสุขภาพโดยการตรวจเลือด และพบสารพิษในร่างกายขั้นอันตราย จากนั้นจึงได้กลับมาทบทวนดูว่าคงทำเกษตรเคมีต่อไปไม่ได้แล้ว จึงได้เปลี่ยนวิถีชีวิตใหม่ด้วยการหันกลับมาทำเกษตรอินทรีย์แทน โดยเริ่มจากการลดการใช้สารเคมีทางการเกษตรตั้งแต่ปี 2549 เป็นต้นมา ประกอบกับที่ตนเป็นหมอดินอาสาของกรมพัฒนาที่ดิน จึงได้มีโอกาสไปศึกษาอบรมในเรื่องของการลด ละ เลิกการใช้สารเคมีทางการเกษตร การลดต้นทุนการผลิต รวมทั้งได้รับปัจจัยการผลิตที่กรมพัฒนาที่ดินหยิบยื่นให้ เช่น สารเร่งจุลินทรีย์เพื่อผลิตปุ๋ยอินทรีย์ชีวภาพ แล้วค่อย ๆ ลดปริมาณการใช้ปุ๋ยเคมีลงเรื่อย ๆ
ในการลดการใช้สารเคมีทางการเกษตรในช่วงแรกนั้นจะค่อย ๆ ลดปริมาณการใช้ลง เช่น เมื่อก่อนใช้ปุ๋ยเคมี 5 กระสอบต่อ 1 ไร่ ก็ลดปริมาณการใช้ลงเหลือ 2 กระสอบต่อ 1 ไร่ แต่จะใส่ปุ๋ยอินทรีย์หรือปุ๋ยคอกลงไปแทน จากนั้นจึงลดปริมาณการใช้ปุ๋ยเคมีเรื่อยมา จนปัจจุบันนี้แทบไม่ใช้ปุ๋ยเคมีเลยหากไม่จำเป็น
ปัจจุบันลุงสว่างปลูกพืชผักสวนครัวและพืชสมุนไพรเป็นหลัก เช่น โหระพา กระเพรา แมงลัก และใบยี่หร่า มีพื้นที่ในการปลูก 2 ไร่ มีรายได้จากการเก็บพืชผักสวนครัวเหล่านี้ขายวันละ 300-500 บาท และสามารถเก็บขายได้ทุกวันตลอดทั้งปี ทำให้มีเงินเหลือเก็บประมาณ 30,000-40,000 บาทต่อปี
นอกจากนี้ สวนของลุงสว่างยังเป็น ศูนย์เรียนรู้การพัฒนาที่ดินตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง ที่มีเกษตรกรในท้องถิ่นมาดูงานปีละไม่ต่ำกว่า 800-900 คน โดยเกษตรกรที่มาอบรมจะได้เรียนรู้วิถีชีวิตตามแบบเศรษฐกิจพอเพียง การลดต้นทุนการผลิต การลดค่าใช้จ่ายต่าง ๆ รวมถึงการทำเกษตรเข้าสู่เกษตรอินทรีย์ด้วย
“ปัจจุบันตั้งแต่หันมาทำเกษตรอินทรีย์ ในด้านสุขภาพไม่ต้องเข้าโรงพยาบาลบ่อยเหมือนแต่ก่อน ที่สำคัญสุขภาพจิตก็ดีขึ้นด้วย ส่วนในด้านของต้นทุนการผลิตนั้น เมื่อก่อนตอนปลูกพืชโดยใช้ปุ๋ยเคมีและสารเคมีทางการเกษตรพอเก็บผลผลิตแล้วก็ต้องไถทิ้ง ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการจ้างรถมาไถประมาณ 2-3 เดือนต่อครั้ง ทำให้ต้นทุนการผลิตสูง อีกทั้งปุ๋ยเคมีมีราคาแพงมาก แต่เมื่อหันมาทำเกษตรอินทรีย์ ได้ผลิตปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอก หรือปุ๋ยชีวภาพใช้เองโดยนำเศษวัสดุเหลือจากการทำเกษตร มาทำปุ๋ยอินทรีย์ ไม่ต้องไปซื้อหาที่ไหน จึงสามารถลดค่าใช้จ่ายไปได้มากถึง 60%” นายสว่าง กล่าวย้ำ
สุดท้ายนี้ก่อนจาก ลุงสว่าง ยังได้ฝากคำแนะนำดี ๆ มายังเพื่อนเกษตรกรด้วยว่าการทำเกษตรเคมีทำให้มีรายจ่ายสูง หากเกษตรกรรายใดยังทำอยู่ ถ้าสามารถลดละเลิกได้ก็ควรทำ หันมาเข้าสู่วิถีเกษตรอินทรีย์โดยการใช้ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอกดีกว่า นอกจากจะช่วยลดต้นทุนการผลิตได้มากแล้ว ยังทำให้สุขภาพของเราดีขึ้นอีกด้วย ซึ่งพิสูจน์มาแล้วกับตัวเอง
หากเกษตรกรรายใดสนใจวิถีการทำเกษตรอินทรีย์ที่สามารถสร้างทั้งสุขภาพที่ดีและรายได้ตลอดทั้งปีอย่างลุงสว่าง อินต๊ะ สามารถสอบถามเพิ่มเติมไปได้ที่ 08-9634-5361 รับรองว่าจะได้ข้อมูลอย่างไม่มีกั๊กแน่นอน.
ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 23 สิงหาคม 2553
http://dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=339&contentID=86884
ข่าวที่เกี่ยวข้อง นำเลี้ยงปูนิ่ม-พัฒนาท่องเที่ยว วิถีสร้างอาชีพของ วชช.เพื่อชุมชน
'ไม้ผลแปลกและหายาก' ที่น่าปลูกในปี พ.ศ.2554
คาดลำไยปีหน้าราคาพุ่ง "ธีระ" ฟุ้งแผนบริหารจัดการดี มุ่งเน้นเดินตามกลไกตลาด
ผลิตปุ๋ยอินทรีย์ใช้เอง ลดต้นทุนการผลิตได้
วช.หนุนวิจัยปลานิล "จิตรลดา3" คุณภาพเหมาะเลี้ยงเชิงพาณิชย์
บริหารนำเข้ากาแฟสำเร็จรูป สกัดผลกระทบเปิดเสรีอาฟตา กษ.จับตาล้นตลาด-ราคาร่วง
วิจัย "ดีเอ็นเอ" แตงกวา มก.พัฒนา ต้านราน้ำค้าง