เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 53
นายฉลอง เทพวิทักษ์กิจ รองอธิบดีกรมพัฒนาที่ดิน เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการใช้จุลินทรีย์สร้างโรงงานผลิตปุ๋ยในดินโดยตรงว่า จะใช้ฐานความรู้จากการวิจัยพัฒนาจุลินทรีย์ในปุ๋ยชีวภาพ พด.12 ผลิตภัณฑ์ตัวล่าสุดที่กรมฯพัฒนาขึ้นมา โดยตั้งเป้าเพิ่มปริมาณธาตุอาหารหลักในดินที่พืชต้องการ ทั้งไนโตรเจน(N) ฟอสฟอรัส (P) โพแทสเซียม (K) และฮอร์โมนเร่งขยายระบบรากและช่วยลำเลียงธาตุอาหารไปเลี้ยงต้นพืช
"ผลิตภัณฑ์ปุ๋ยชีวภาพ พด.12 เป็นน้องๆโรงปุ๋ยในดินอยู่แล้ว เพราะมีจุลินทรีย์เพิ่มธาตุอาหารหลักให้ดินอยู่แล้ว แต่เราต้องการต่อยอดให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นกว่าเดิม โดยพัฒนาจุลินทรีย์สายพันธุ์ใหม่ ให้ทำหน้าที่เสมือนเครื่องจักรผลิตปุ๋ยในดินโดยตรง"
ทั้งนี้จุลินทรีย์ในโครงการสร้างโรงปุ๋ยในดินโดยตรงครั้งนี้ จะต่างจากจุลินทรีย์ที่ใช้ในสารเร่ง พด.สูตรต่างๆ กล่าวคือเป็นการปรับปรุงพันธุ์จุลินทรีย์ขึ้นมาใหม่ จากแต่เดิมที่ใช้จุลินทรีย์ในธรรมชาติเพียงอย่างเดียวล้วนๆซึ่งมีขีดความสามารถจำกัด เช่น จุลินทรีย์ในพด.12 เพิ่มธาตุไนโตรเจนได้เพียง 3 กิโลกรัม/ไร่/ปี แต่จุลินทรีย์สายพันธุ์ใหม่จะเพิ่มธาตุไนโตรเจนได้ 15-45 กิโลกรัม/ไร่/ปี
"วัตถุดิบที่จุลินทรีย์ใช้ก็อยู่ในธรรมชาติมากมายอยู่แล้ว เช่น ก๊าซไนโตรเจนก็มีในชั้นบรรยากาศ 70-80% หรือฟอสฟอรัส โพแทสเซียม ก็มีอยู่ในดิน หรือหากไม่มีเราก็สามารถเติมลงไปได้ เช่น ร็อก ฟอสเฟต หรือ เฟลสปาร์ เป็นวัตถุดิบให้จุลินทรีย์ย่อยมาเป็นธาตุอาหารที่พืชพร้อมดูดไปใช้งานได้ ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนการใช้ปุ๋ยเคมีได้ไม่น้อย และทำให้การก้าวไปสู่เกษตรอินทรีย์มีความยั่งยืนยิ่งขึ้น"
นางสาวฉวีวรรณ เหลืองวุฒิวิโรจน์ ผู้อำนวยการศูนย์ผลิตและเก็บรักษาจุลินทรีย์ทางการเกษตร สำนักเทคโนโลยีชีวภาพทางดิน กล่าวว่า การปรับปรุงพันธุ์จุลินทรีย์ใช้เทคนิคที่เรียกว่า Cell Fusion หมายถึงการนำเซลล์ของจุลินทรีย์มาผสมผสานกันจนเกิดสายพันธุ์ใหม่ โดยตัวที่ยากที่สุดจะเป็นจุลินทรีย์ตรึงไนโตรเจน ซึ่งมีข้อจำกัดค่อนข้างมาก และมีขีดความสามารถยังต่ำคือตรึงไนโตรเจนได้เพียงปีละ 3 กก./ไร่ เท่านั้น ส่วนธาตุฟอสฟอรัส โดยธรรมชาติละลายเองได้ 3% แต่เมื่อมีจุลินทรีย์ช่วยจะเพิ่มการละลายฟอสฟอรัสให้ได้ถึง 17 % และโพแทสเซียมจากที่ละลายได้ 3-4% ก็จะปรับขึ้นมาได้ถึง 10%
"นี่เป็นเหตุผลสำคัญที่กรมฯต้องปรับปรุงจุลินทรีย์สายพันธุ์ใหม่ ที่มีศักยภาพมากขึ้นกว่าเดิม และเร่งรัดวิจัยพัฒนาให้เร็วขึ้น" น.ส.ฉวีวรรณ กล่าว
ที่มา : หนังสือพิมพ์แนวหน้า วันที่ 26 สิงหาคม 2553
http://www.naewna.com/news.asp?ID=225125