เมื่อวันที่ 7 กันยายน 53
ขมิ้น (Turmeric) เป็นพืชล้มลุกในวงศ์ขิง มีเหง้าอยู่ใต้ดิน เนื้อในเป็นสีเหลือง มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว มีสีเหลืองเข้มจนสีแสดจัด
ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์พบว่า เหง้าขมิ้น มีสารประกอบที่สำคัญเป็นน้ำมันหอมระเหย "เอสเซนเชียล" และในเหง้ายังมีสารสีเหลืองส้ม ที่ชื่อว่า "เคอร์คูมินอยด์" (Curcumin) จากการทดลองในวงการแพทย์พบว่า สามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา ลดอาการอักเสบ มีฤทธิ์ในการขับน้ำได้ดี ส่วน น้ำมันหอมระเหยในขมิ้น มีสรรพคุณรักษา ปวดท้องเสียด ท้องอืด แน่นจุกเสียด อีกทั้งขมิ้นไม่มีพิษเฉียบพลัน เมื่อนำมาใช้ก็มีความปลอดภัยสูง
นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้วิจัยและพัฒนาวิธีการสกัดสารออกฤทธิ์ จากขมิ้น "เคอร์คูมินอยด์" ให้มีความเข้มข้นสูง แล้วนำไปกักเก็บในรูปของสารประกอบเชิงซ้อนกับโพลิแซคคาไรด์ และทำให้เป็นผลิตภัณฑ์ผงแห้ง โดยยังคงมีปริมาณและฤทธิ์ของสารเคอร์คูมินอยด์ไว้ แต่สามารถละลายน้ำได้ดี มีสีและกลิ่นขมิ้นในระดับที่ผู้บริโภคยอมรับและมีความเสถียรสูงขึ้น โดยงานวิจัยนี้ได้รับทุนสนับสนุนการวิจัยจากโครงการ IFRPD สร้างสรรค์นวัตกรรม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
นางวิภา สุโรจนะเมธากุล นักวิจัยฝ่ายเคมีและกายภาพอาหาร สถาบันค้นคว้าและพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหาร (IFRPD) มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวว่า ผลิตภัณฑ์ขมิ้นผงที่ผลิตได้ในรูปแบบใหม่ที่ทำจากสารสกัดขมิ้น โดยใช้โพลิแซคคาไรด์ คาร์บอกซิเมทิลเซลลูโลส เป็นตัวกักเก็บสารออกฤทธิ์จากขมิ้นในรูปของสารประกอบเชิงซ้อน เติมสารเพิ่มความข้นหนืด และทำให้ แห้งโดยใช้ลูกกลิ้งทำแห้ง (Drum dryer) ก่อนนำไปบดละเอียด
การทดลองในขั้นต่อมา พบว่า กรรมวิธีการผลิตสามารถเปลี่ยนคุณสมบัติของเคอร์คูมินอยด์ (curcuminoid) ให้อยู่ในรูปผงแห้งที่มีอายุการเก็บเกี่ยวยาวนาน การผลิตสามารถควบคุมปริมาณเคอร์คูมินอยด์ ซึ่งเป็นสารออกฤทธิ์ในผลิตภัณฑ์ได้ตามต้องการละลายน้ำได้ดี ให้สีเหลืองสดใส สารละลายมีความเสถียร สามารถควบคุมปริมาณสารออกฤทธิ์ให้อยู่ในระดับที่ต้องการได้ ส่วนการทำผลิตภัณฑ์ให้อยู่ในรูปของผงแห้งที่ไม่เกาะตัวกันจะช่วยให้การนำไปใช้สะดวกยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์ขมิ้นผงสามารถนำไปใช้ต่อยอดโดยเป็นวัตถุดิบเริ่มต้นของเครื่องดื่มสุขภาพอื่นที่หลากหลาย เช่น ชาขมิ้นกึ่งสำเร็จรูป เครื่องดื่มจากสารสกัดขมิ้นผสมคอลลาเจน และเครื่องดื่มจากสารสกัดขมิ้นปรุงแต่งกลิ่มส้ม น้ำผลไม้เสริมเคอร์คูมินอยด์ เป็นต้น
อีกทั้งยังสามารถนำไปใช้เคลือบหรือผสมในอาหารอื่นเพื่อการผลิตอาหารเสริมสุขภาพ เป็นการเปิดช่องทางการตลาดอาหารเพื่อสุขภาพ ซึ่งสอดคล้องกับสภาวะสังคมปัจจุบัน ที่ผู้บริโภคส่วนใหญ่ให้ความสำคัญและนิยมที่จะป้องกัน บำบัด หรือลดอุบัติการณ์ของโรค โดยใช้โภชนะบำบัดจากพืชสมุนไพร ป้องกันการอักเสบ ป้องกันมะเร็ง มีสารแอนติออกซิเดนท์ ลดปริมาณไขมันที่ไม่ดีชนิดแอลดีแอล (LDL) และลดระดับน้ำตาลในเลือด ฯลฯ
สำหรับผู้ที่สนใจจะขอคำปรึกษาในการทำผลิตภัณฑ์ขมิ้นผง สามารถกริ๊งกร๊างหา วิภา 0-2942-8629-35 ต่อ 503 เวลาราชการ.
ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ วันที่ 6 กันยายน 2553
http://www.thairath.co.th/content/edu/108835