เมื่อวันที่ 13 กันยายน 53
นายอภิชาต จงสกุล เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เผยว่า จากการศึกษาศักยภาพการผลิตการตลาดกระบือนมพบว่า กระบือนมเป็นสัตว์เศรษฐกิจที่ภาครัฐควรให้การสนับสนุน เนื่องจากกระบือนมสามารถเลี้ยงได้ทั้งเพื่อผลิตน้ำนมและเป็นกระบือเนื้อ โดยหากเลี้ยงเพื่อผลิตน้ำนมจะมีต้นทุนการผลิตน้ำนมกิโลกรัมละ 24-25 บาท ส่วนราคาขายในเชิงธุรกิจมีสูงกิโลกรัมละ 80-90 นอกจากนี้น้ำนมกระบือสามารถแปรรูปได้เช่นเดียวกับนมโค และยังมีคุณสมบัติที่พิเศษกว่านมโค คือ มีคลอเรสเตอรอล โปรตีนและแคลเซียมที่สูงกว่านมโคและยังมีสารต้านอนุมูลอิสระ สามารถนำไปผลิตชีสและเนยได้มากกว่านมโค โดยในการผลิตชีส 1 กิโลกรัม ใช้นมกระบือเพียง 5 กิโลกรัม ขณะที่นมโคใช้ไป 8 กิโลกรัม ส่วนการผลิตเนย 1 กิโลกรัม จะใช้นมกระบือ 10 กิโลกรัม ส่วนนมโคต้องใช้ถึง 14 กิโลกรัม
ทั้งนี้คาดว่า หากกระบือนมได้รับการส่งเสริมสนับสนุนจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องทั้งในด้านการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตน้ำนมเพื่อให้มีต้นทุนต่ำลง ผลผลิตสูงขึ้นและคุณภาพตรงตามความต้องการของตลาด โดยเฉพาะการได้รับการส่งเสริมด้านการตลาดนมและผลิตภัณฑ์จากนม เพื่อให้เป็นสินค้าตลาดกลุ่มเฉพาะ เช่น ตลาดผู้บริโภคระดับสูง กลุ่มผู้รักสุขภาพ ชาวต่างชาติ และสินค้าทดแทนสินค้านำเข้า ได้แก่ เนยและชีสประเภทต่าง ๆ ที่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศถึงปีละ 16,000 ตัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 2,500 ล้านบาท เพื่อนำมาประกอบอาหารในแบบตะวันตก ซึ่งขณะนี้กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ หรือจะเลี้ยงเป็นกระบือเนื้อก็ยังสามารถช่วยให้เกษตรมีรายได้เสริม หรืออาจจะยึดเป็นอาชีพหลักได้อย่างยั่งยืนโดยไม่ต้องใช้เงินลงทุนมากนัก แต่ได้รับผลตอบแทนค่อนข้างดี รวมทั้งช่วยเพิ่มอาหารโปรตีนในประเทศนอกเหนือจากเนื้อโคกระบือที่มีแนวโน้มลดลง
สำหรับการเลี้ยงกระบือนมเพื่อเป็นกระบือเนื้อนั้น นอกจากจะขายเพื่อนำไปบริโภคเนื้อเช่นเดียวกับกระบือทั่วไปแล้ว เกษตรกรยังขายพ่อ - แม่พันธุ์ให้เกษตรกรรายอื่นด้วย ซึ่งยังมีความต้องการอีกมาก โดยการเลี้ยงก็ไม่มีความยุ่งยากแต่อย่างใด เกษตรกรสามารถเลี้ยงปล่อยแบบเดียวกับการเลี้ยงกระบือทั่วไปที่เกษตรกรคุ้น เคยอยู่แล้ว ดังนั้นต้นทุนการผลิตตั้งแต่เกิดจนกระทั่งขายได้ จึงค่อนข้างต่ำ โดยปัจจุบันราคาซื้อขายอยู่ที่ 30000บาทต่อตัว ในประเทศไทยพื้นที่ที่เลี้ยงมากได้แก่ จังหวัดฉะเชิงเทรา บุรีรัมย์ เชียงราย เชียงใหม่
ที่มา : หนังสือพิมพ์แนวหน้า วันที่ 13 กันยายน 2553
http://www.naewna.com/news.asp?ID=227606