หน่อไม้ฝรั่งอินทรีย์ ธุรกิจที่น่าจับตา
เมื่อวันที่ 21 กันยายน 53
หน่อไม้ฝรั่งอินทรีย์ ธุรกิจที่น่าจับตา
จากกระแสความตื่นตัวทางด้านการบริโภคอาหารอินทรีย์ในช่วง 3-5 ปี ที่ผ่านมาทำให้พืชผักผลผลิตที่ออกสู่ตลาดไม่เพียงพอกับความต้องการของกลุ่มผู้บริโภค ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นผู้บริโภคในแถบสหภาพยุโรป สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น ซึ่งมีความต้องการบริโภคเพิ่มมากขึ้นทุกปี “
หน่อไม้ฝรั่งอินทรีย์” ก็จัดเป็นพืชผักอินทรีย์ส่งออกที่สำคัญและมีบทบาทสำคัญของประเทศและตลาดต่างประเทศ มีความต้องการสูงเนื่องจาก ผู้บริโภคส่วนใหญ่มีความมั่นใจในระบบการผลิตเกษตรอินทรีย์ที่มีความปลอดภัยสูง หน่อไม้ฝรั่งอินทรีย์ประกอบด้วย วิตามินเอ ซี บี บีคอมเพล็กซ์ ธาตุฟอสฟอรัส ธาตุเหล็กสูง
ปัจจุบัน แหล่งผลผลิตหน่อไม้ฝรั่งที่สำคัญของไทยอยู่ในภาคตะวันตก มีพื้นที่ปลูกหน่อไม้ฝรั่ง รวม 11,000 ไร่ เกษตรกรประมาณ 5,000 ราย เป็นการผลิตหน่อไม้ฝรั่งชนิดหน่อเขียว กระจายใน 4 จังหวัด ได้แก่ นครปฐม กาญจนบุรี ราชบุรีและสุพรรณบุรี โดยมีตลาดส่งออกในต่างประเทศที่สำคัญคือประเทศญี่ปุ่น รองลงมาได้แก่ ตลาดยุโรป และตลาดในแถบเอเชีย ได้แก่ ไต้หวัน ฮ่องกง สิงคโปร์ และมาเลเซีย โดยในปี 2552 ที่ผ่านมาสามารถส่งออกหน่อไม้ฝรั่งน้อยกว่า 500 ล้านบาท และในปี 2553 คาดว่าจะสามารถส่งออกได้ประมาณ 600 ล้านบาท
ทั้งนี้ ในปัจจุบันผู้ส่งออกมีความต้องการหน่อไม้ฝรั่งหน่อเขียวสดเพิ่มขึ้น จนทำให้ผลผลิตที่ได้มีไม่เพียงพอกับความต้องการ จึงต้องเร่งรัดในการเพิ่มปริมาณผลผลิตและการปรับปรุงคุณภาพของผลผลิตให้ได้มาตรฐาน และมีผลผลิตที่สม่ำเสมอโดยปฏิบัติตาม GAP รวมถึงหาเทคโนโลยีและวิธีการในการลดต้นทุนการผลิต เพื่อสนองความต้องการของตลาดและให้สามารถแข่งขันกับประเทศคู่แข่งอื่นโดยเฉพาะฟิลิปปินส์ ซึ่งมีฤดูกาลผลิตเช่นเดียวกับไทย
อย่างไรก็ตาม เพื่อพัฒนาการผลิตและส่งออกหน่อไม้ฝรั่งไทยให้มีมาตรฐานและเพิ่มมูลค่าการ ส่งออกมากขึ้น สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรหรือ สศก.จึงได้ศึกษาหน่อไม้ฝรั่งอินทรีย์ พบว่า ปัจจุบันหน่อไม้ฝรั่งเป็นสินค้าที่มีความต้องการของตลาดสูงกว่าการผลิต เกษตรกรมีการยอมรับระบบการผลิตตามมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ และข้อตกลงการเข้าร่วมโครงการเพื่อผลิตและส่งมอบผลผลิตกับบริษัทผู้ส่งออก ที่รับซื้อสินค้าตามเกรดที่กำหนด โดยเกษตรกรได้รับการอบรมถ่ายทอดเทคนิคการผลิตจากบริษัทอย่างสม่ำเสมอ สำหรับการจัดหาปัจจัยการผลิต พบว่า เกษตรกรส่วนใหญ่ผลิตเองหรือซื้อจากแหล่งผลิตที่ได้รับการยอมรับ ซึ่งสามารถผลิตหน่อไม้ฝรั่งอินทรีย์ได้ 4 รอบการผลิตต่อปี ระยะเวลาการผลิตรอบละ 49-56 วัน ทำการผลิตได้ 5 ปี จึงรื้อแปลง ผลผลิตเฉลี่ยไร่ละ 540 กิโลกรัม ต้นทุนเฉลี่ย 15,520 บาทต่อไร่ต่อรอบ ผลตอบแทนสุทธิ 2,710 บาทต่อไร่ต่อรอบ ด้านการตรวจสอบรับรองมาตรฐาน บริษัทส่งออกเป็นผู้กำหนดหน่วยตรวจรับรองและมาตรฐานใช้ที่รับรอง
นายอภิชาต จงสกุล เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กล่าวว่า หน่อไม้ฝรั่งอินทรีย์ นับเป็นธุรกิจเกษตรที่ทำรายได้ให้แก่เกษตรกรได้ตลอดปี และเป็นสินค้าที่ตลาดมีความต้องการมาก ดังนั้น ควรมีการส่งเสริมและพัฒนาเทคนิคการผลิตระบบอินทรีย์ที่ให้ผลผลิตได้คุณภาพ สร้างแรงจูงใจให้เกษตรกรในการผลิตหน่อไม้อินทรีย์ ตลอดจนสร้างความเข้าใจด้านมาตรฐานการรับรองเกษตรอินทรีย์ของไทยทั้งตลาดภายในและต่างประเทศ โดยการทำประชาสัมพันธ์ด้านมาตรฐาน หน่วยตรวจรับรอง รวมถึงการเจรจาเทียบเคียงมาตรฐานไทยกับประเทศคู่ค้าสำคัญ เพื่อให้มาตรฐานไทยเป็นที่ยอมรับ รวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพด้านการตลาดโดยการจัดตั้งศูนย์ สำนักงานท้องถิ่น เพื่อเป็นเครือข่ายประสานงานการเจรจาเสนอซื้อขายสินค้าเกษตรอินทรีย์ระหว่างเกษตรกรกับผู้รวบรวมส่งออก
นอกจากนี้ แม้ว่าความต้องการบริโภค ของตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์จะมี กำลังซื้ออีกมาก แต่เกษตรกรไทยก็ไม่ควรประมาท จำเป็นต้องมีการผลิตที่เข้มงวดให้เป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัยและเงื่อนไขการส่งออกที่ได้กำหนดไว้ในสัญญาอย่างเคร่งครัด เพื่อแข่งขันในตลาดโลกและได้รับการเชื่อถือว่าสินค้าที่ผลิตจากเกษตรกรไทยมี คุณภาพและมาตรฐานความปลอดภัยสูง ซึ่งนอกจากเกษตรกรจะมีรายได้ที่มั่นคงแล้ว ยังจะช่วยให้มีการขยายไปสู่สินค้าเกษตรตัวอื่นต่อไป.
ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 21 กันยายน 2553
http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=346&contentID=93034
ข่าวที่เกี่ยวข้อง นำเลี้ยงปูนิ่ม-พัฒนาท่องเที่ยว วิถีสร้างอาชีพของ วชช.เพื่อชุมชน
'ไม้ผลแปลกและหายาก' ที่น่าปลูกในปี พ.ศ.2554
คาดลำไยปีหน้าราคาพุ่ง "ธีระ" ฟุ้งแผนบริหารจัดการดี มุ่งเน้นเดินตามกลไกตลาด
ผลิตปุ๋ยอินทรีย์ใช้เอง ลดต้นทุนการผลิตได้
วช.หนุนวิจัยปลานิล "จิตรลดา3" คุณภาพเหมาะเลี้ยงเชิงพาณิชย์
บริหารนำเข้ากาแฟสำเร็จรูป สกัดผลกระทบเปิดเสรีอาฟตา กษ.จับตาล้นตลาด-ราคาร่วง
วิจัย "ดีเอ็นเอ" แตงกวา มก.พัฒนา ต้านราน้ำค้าง