เมื่อวันที่ 22 กันยายน 53
นายฉลอง เทพวิทักษ์กิจ รองอธิบดีกรมพัฒนาที่ดิน เปิดเผยว่า ปัญหาเพลี้ยแป้งระบาดในไร่มันสำปะหลังยังคงส่งผลกระทบต่อเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังจำนวนมาก ซึ่งกรมพัฒนาที่ดินจึงนำผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีชีวภาพ สารเร่งซุปเปอร์ พด.7 ซึ่งมีประสิทธิภาพในการสกัดสารออกฤทธิ์จากพืชสมุนไพรมาทำการทดสอบ เพื่อใช้เป็นสารควบคุมหรือป้องกันแมลงศัตรูพืช
จากผลการทดสอบการใช้สารเร่งซุปเปอร์ พด. 7 หมักกับพืชสมุนไพร 3 ชนิด ได้แก่ ยาสูบ หางไหล และดีปลี ในกากน้ำตาล พบว่าน้ำหมักจากยาสูบพบเปอร์เซ็นต์การตายของเพลี้ยแป้งสูงที่สุดคือ 100% รองลงมาคือ หางไหล 76% และดีปลี 73% และเมื่อนำพืชสมุนไพรทั้งหมดมาหมักรวมกันมีผลในการกำจัดเพลี้ยแป้งได้ 100% โดยใช้ระยะเวลาในการหมัก 14-21 วัน สำหรับอัตราการใช้ที่เหมาะสมในการควบคุมและป้องกันเพลี้ยแป้งคือ อัตราเจือจางน้ำหมักสมุนไพร 1 ส่วนต่อน้ำ 10 ส่วน สามารถทำให้เพลี้ยแป้งตาย 100% ทั้งนี้ ควรฉีดพ่นช่วงตัวอ่อนที่ยังไม่เกิดแป้งจะกำจัดได้มากขึ้น โดยฉีดพ่นทุก 3-5 วัน การฉีดพ่นน้ำหมักสมุนไพรตามอัตราที่กรมฯ แนะนำจะไม่มีผลทำให้พืชเกิดอาการใบไหม้
อย่างไรก็ตาม กรมพัฒนาที่ดินได้ส่งเสริมให้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังในอำเภอห้วยบง จังหวัดนครราชสีมา ที่อยู่ในโครงการเพิ่มผลผลิตมันสำปะหลังที่กรมฯ ร่วมมือกับมูลนิธิพัฒนามันสำปะหลังแห่งประเทศไทย ใช้ผลิตภัณฑ์สารเร่งซุปเปอร์ พด. 7 หมักกับพืชสมุนไพรดังกล่าวในการฉีดพ่นแปลงมันสำปะหลังในโครงการ ปรากฏว่าแปลงมันของเกษตรกรไม่ถูกเพลี้ยแป้งทำลาย นอกจากนี้ ยังส่งเสริมให้เกษตรกรใช้น้ำหมักชีวภาพซุปเปอร์ พด.2 ช่วยให้ลำต้นแข็งแรงและช่วยให้รากขยายตัวสามารถไปหาน้ำและธาตุอาหารได้ไกลขึ้น พร้อมกันนี้ควรใส่ปุ๋ยชีวภาพ พด.12 ที่โคนต้น ช่วยให้พืชสามารถนำธาตุอาหารที่ถูกตรึงอยู่ในดินมาใช้ประโยชน์ได้มากขึ้น ควบคู่กับส่งเสริมให้ปลูกถั่วพร้าระหว่างแถวเพื่อสับกลบเป็นปุ๋ยพืชสดเพื่อการปรับปรุงบำรุงดิน
ที่มา : หนังสือพิมพ์แนวหน้า วันที่ 22 กันยายน 2553
http://www.naewna.com/news.asp?ID=228973