เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 53
ส้มโอไทย ได้ขึ้นชื่อว่าอร่อยที่สุดในโลก ความจริงก็เป็นเช่นนั้นไม่ว่าจะเป็นส้มโอพันธุ์ขาวน้ำผึ้งหรือพันธุ์ทองดี นอกจากจะได้รับความนิยมบริโภคภายในประเทศแล้วยังมีการส่งออกไปขายยังตลาด ต่างประเทศ ติดลำดับต้น ๆ ของการส่งออกผลไม้ไทย โดยที่ทุเรียนเป็นผลไม้ไทยที่มีการส่งออกมากที่สุด
ปัจจุบันไทยส่งส้มโอไปขายยังหลายประเทศ และในปีนี้ (พ.ศ. 2553) นับได้ว่าเป็นปีทองของเกษตรกรที่ปลูกส้มโอ ในช่วงเดือนกรกฎาคม 2553 ที่ผ่านมาราคาส้มโอขาวน้ำผึ้งขายส่งจากสวนได้ถึงกิโลกรัมละ 20-25 บาท และในเดือนกันยายน 2553 ส้มโอไทยได้ส่งไปขายที่ฮ่องกงเป็นจำนวนมากในช่วงเทศกาลไหว้พระจันทร์
ในงานแสดงสินค้าการตลาดผักและผลไม้ระดับเอเชีย ครั้งที่ 4 ซึ่งจัดขึ้นที่ ศูนย์ประชุมและแสดงนิทรรศการแห่งเมืองฮ่องกง ระหว่างวันที่ 8-10 กันยายน 2553 ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปีและครั้งนี้เป็นครั้งที่ 4 ในปีนี้มีภาคเอกชนและรัฐบาลจาก 27 ประเทศ มาจัดแสดงผลไม้และผักจำนวน 275 บูธ น่าเสียดายในปีนี้กรมส่งเสริมการเกษตรและกรมวิชาการเกษตร ไม่ได้ไปออกบูธแนะนำผลไม้ไทย แต่มีเกษตรกรชาวสวนผู้ปลูกมะม่วงน้ำดอกไม้สีทองเพื่อการส่งออกของไทยเข้าร่วมนำมะม่วงน้ำดอกไม้สีทองของไทยไปโชว์
เป็นที่สังเกตว่าในการจัดแสดงผักและผลไม้ในครั้งนี้ บูธจากประเทศญี่ปุ่นและสาธารณรัฐประชาชนจีนมีความโดดเด่นมาก ประเทศญี่ปุ่นให้ความสำคัญในการนำมันเทศญี่ปุ่นที่มีเนื้อสีเหลืองและสีม่วง หลากหลายสายพันธุ์มาแนะนำในการผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ทั้งบริโภคสดและแปรรูปเป็นอาหารต่าง ๆ ในขณะที่ส้มโอจากสาธารณรัฐประชาชนจีนที่มีพื้นที่ปลูกมาก ที่มณฑลฟูเจี้ยน (บางคนเรียกมณฑลฮกเกี้ยน) ซึ่งอยู่ทางใต้ของประเทศ ดูเหมือนว่าทางภาครัฐบาลจีนจะให้การส่งเสริม และสนับสนุนส้มโอเพื่อการส่งออก โดยสายพันธุ์ที่มาแนะนำคือ พันธุ์น้ำผึ้ง ซึ่งลักษณะทรงผลกลมมนคล้ายกับส้มโอพันธุ์ขาวน้ำผึ้งของไทย ภาคเอกชนของจีนนำส้มโอสายพันธุ์นี้มาแนะนำและเน้นการผลิตเพื่อการส่งออก
ส้มโอน้ำผึ้งของจีนจะมีลักษณะของกุ้งแห้งและแข็ง มีรสชาติหวานก็จริงแต่ยังอร่อยสู้พันธุ์ขาวน้ำผึ้งซึ่งมีเนื้อแห้งและนิ่มกว่าไม่ได้ ทางจีนเองก็ยอมรับว่ารสชาติยังอร่อยสู้ส้มโอไทยไม่ได้แต่จะสู้ด้วยราคาที่ถูกกว่าผิวผลสวยงามและมีการบรรจุหีบห่อที่ดีกว่า อีกทั้งการผลิตส้มโอแบบปลอดสารพิษเพื่อส่งขายทั่วโลก
ส่วนส้มโอไต้หวันนั้นจะเน้นพัฒนาสายพันธุ์ที่มีลักษณะของผลเล็กและมีรูปทรง คล้ายกับส้มโอพันธุ์ขาวพวงของไทย น้ำหนักผลเฉลี่ยไม่เกิน 1 กิโลกรัมต่อผล.
ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 11 พฤศจิกายน 2553
http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=482&contentID=103244