เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 53
ภาคเหนือตอนบนมีโครงการหลวงถึง 36 แห่ง แต่ที่โครงการหลวงบ้านปางอุ๋ง อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ เป็นโครงการหลวงที่มีความแตกต่างไปจากศูนย์พัฒนาโครงการหลวงอื่นๆ เพราะที่นี่เจ้าหน้าที่กำลังเดินหน้าส่งเสริมให้เกษตรกรในพื้นที่ปลูกสวนอโวคาโด ผลไม้ซึ่งเป็นที่จับตามองว่ามีลู่ทางการตลาดที่กำลังเติบโตไปได้ไกลทั้งในและต่างประเทศ
ด้วยสภาพภูมิประเทศที่เหมาะสม เนื่องจากอยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลกว่า 1,000 เมตร จึงทำให้ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงปางอุ๋ง นำผล "อโวคาโดสายพันธุ์แฮซ (Hass)" พืชเศรษฐกิจความหวังในอนาคตมาให้เกษตรกรได้ทดลองปลูก ซึ่งเป็น 1 ใน 50 สายพันธุ์ที่ดีที่สุดของโลก ที่ "ชัตชนะ สุขเทศ" ผู้ช่วยหัวหน้าศูนย์พัฒนาโครงการหลวงปางอุ๋ง นำมาจากประเทศนิวซีแลนด์
หลังโครงการหลวงนำเมล็ดมาทดลองปลูกผ่านแปลงสาธิตจนให้ผลเป็นที่แน่ใจแล้วว่าเหมาะกับพื้นที่และสภาพอากาศของบ้านปางเกี๊ยะ อ.แม่แจ่ม ในความดูแลของโครงการหลวงปางอุ๋ง จึงตัดกิ่งนำไปส่งเสริมให้เกษตรกรสมาชิกโครงการทดลองปลูก เป็นรุ่นแรกเมื่อ 3 ปีที่แล้ว โดยมีเกษตรกร 5 ราย สนใจหันปลูกอย่างจริงจัง
"เหตุที่เกษตรกรน้อยรายสนใจทำสวนอโวคาโด เพราะส่วนใหญ่ยึดอาชีพปลูกกะหล่ำปลี พืชผักเมืองหนาว เพียง 3 เดือนก็สามารถมีรายได้ ขณะที่อโวคาโดต้องใช้เวลาถึง 3 ปี จึงออกผล และเก็บผลผลิตได้ปีละครั้ง แต่พ้น 3 ปีไปจะสร้างรายได้ให้แก่ผู้ปลูกอย่างต่อเนื่อง เพราะผลผลิตต่อต้นจะเพิ่มขึ้นทุกปี เราจึงมีแผนส่งเสริมให้เกษตรกรปลูก" ชัตชนะ กล่าว
ชัตชนะ บอกว่า การให้ผลของอโวคาโดนั้น มีผลผลิตเฉลี่ยที่ 20-80 กิโลกรัมต่อต้น ขณะที่ราคาจำหน่ายสูงมาก จำหน่ายปลีกเฉลี่ยกิโลกรัมละ 100 บาท โดยเฉพาะสายพันธุ์แฮซเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคสูงมาก เนื่องจากมีรสชาติดี คุณสมบัติโดดเด่นกว่าพันธุ์อื่น เมื่อเด็ดจากต้นผิวเปลือกสีเขียวจะเปลี่ยนเป็นสีม่วงเข้มภายใน 2-3 วัน นั่นหมายถึงสุกพร้อมรับประทาน
"ตอนนี้มีผู้ปลูกอโวคาโดพันธุ์แฮซรวมแล้ว 70 ไร่ ผลผลิตปีแรกส่งป้อนตลาด 3 ตัน มูลค่า 3 แสนบาท ขณะที่ความต้องการของตลาดยังมีอีกมาก เฉพาะตอนนี้ส่งขายผลสดผ่านโครงการหลวงในประเทศยังไม่พอ ตลาดต่างประเทศนั้นไม่ต้องพูดถึง มีความต้องการสูงมาก เพราะนอกจากเพื่อบริโภคผลสดแล้ว ในหลายประเทศยังนำอโวคาโดไปใช้เป็นส่วนประกอบผลิตเครื่องสำอางด้วย"
ทั้งนี้ ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงปางอุ๋งตั้งเป้าภายใน 5 ปี จะเพิ่มผลผลิตอโวคาโดให้ได้มากถึง 100 ตัน คิดเป็นมูลค่า 10 ล้านบาท โดยจะขยายพื้นที่ส่งเสริมให้เกษตรกรหันมาปลูกมากขึ้น เพราะนอกจากรายได้ที่แน่นอน ไม่ต้องใช้สารเคมีแล้ว ยังมีอายุให้ผลเก็บเกี่ยวยาวนานถึง 30 ปี
ดังรอยยิ้มของ ศักดิ์ แสงศรทวีศักดิ์ ชาวไทยภูเขาเผ่าม้ง วัย 36 ปี เกษตรกรผู้ปลูกอโวคาโดรุ่นแรกมาแล้ว 5 ปี เป็นเพียง 1 ใน 5 รายที่หันมาปลูกบนพื้นที่ 3 ไร่ รวม 160 ต้น ซึ่งขณะนี้ให้ผลผลิตเพิ่มจำนวนมากขึ้น ดกเต็มทุกต้น
"ที่สวนตอนนี้มีผลอโวคาโดไม่ต่ำกว่าต้นละ 80 กิโลกรัม หลังอดทนคอย รอปลูกได้ครบ 3 ปี แรกเริ่มมีรายได้ปีละ 4 หมื่นบาท แต่พอพ้นไปอีกปีรายได้จากการเก็บเกี่ยวผลขยับขึ้นเป็น 1 แสนบาท และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีก สามารถเก็บขายได้ในระยะยาว ส่วนเรื่องการปลูกนั้นง่ายมาก ปลูกมา 5 ปีไม่เคยต้องพึ่งสารเคมีเลย" ศักดิ์ กล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
พร้อมกันนี้ ชาวเขาเผ่าม้งเจ้าของสวนได้บอกถึงเป้าหมายของผลผลิตอโวคาโดในปีนี้ว่า บนพื้นที่ 3 ไร่ จำนวน 160 ต้น คาดว่าจะได้น้ำหนักมากถึง 2,000 กิโลกรัม ในการเก็บเกี่ยวที่จะจบลงกลางเดือนธันวาคมนี้
ที่มา : หนังสือพิมพ์คม ชัด ลึก วันที่ 2 ธันวาคม 2553
http://www.komchadluek.net/detail/20101202/81404/ปลูกอโวคาโดสายพันธุ์แฮซผลไม้ศก.บุกตลาดไทยตปท..html