เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 53
เพราะไม่รู้จักพอเพียง กิจการโรงสีข้าวจึงขาดทุน ตั้งหลักแทบไม่ได้และไม่รู้จะเริ่มต้นใหม่ได้อย่างไร...นายบุญสืบ เดชศร เล่าให้ฟังถึงอดีตที่ประสบความล้มเหลว แต่เมื่อเริ่มได้รับข้อมูลเกี่ยวกับโครงการพระราชดำริต่าง ๆ รวมทั้งแนวทางปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงจากสื่อต่าง ๆ เขาเชื่อว่าหากมุ่งมั่นศึกษาเรียนรู้และนำมาปฏิบัติได้จะสามารถกลับมาตั้งตัวได้อีกครั้ง
ไม่นานนักพื้นที่ว่างเปล่าไร้ประโยชน์บริเวณรอบ ๆ โรงสีข้าวประมาณ 10 ไร่ ของ บุญสืบ เดชศร ที่ 49 หมู่ 5 ต.ดงพระราม อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ก็กลายเป็นแปลงเพาะปลูกพืชผักสวนครัวชนิดต่าง ๆ เช่น คะน้า กวางตุ้ง ผักบุ้ง ถั่วฝักยาว เป็นต้น ซึ่งเป็นผักปลอดสารพิษเน้นการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ที่ผลิตเองเป็นหลักในการปรับปรุงดินและเร่งการเจริญเติบโต ที่เป็นผักปลอดสารพิษเพราะเขารู้ถึงอันตรายจากสารพิษตกค้างยากำจัดศัตรูพืชเป็นอย่างดีจากร่างกายที่ทรุดโทรมสุขภาพไม่ค่อยดี เนื่องจากผลของการใช้สารเคมีทำการเกษตรจำนวนมากในอดีต จึงต้องการปลูกผักปลอดสารพิษไว้กินเอง และเหลือนำไปขายเพื่อให้ผู้อื่นได้ผลผลิตที่ปลอดภัย
ผลผลิตถูกนำไปขายตามตลาดเล็ก ๆ จนเป็นที่ยอมรับของกลุ่มลูกค้าที่ต้องการบริโภคผักปลอดสารพิษและได้รับความสนใจจากหน่วยงานราชการทำให้นายบุญสืบได้รับเชิญเข้าร่วมประชุมจัดตั้งกลุ่มเกษตรชีวภาพดงพระรามและได้รับคัดเลือกให้เป็นแกนนำของกลุ่ม ซึ่งถ้าหากผ่านไปที่จังหวัดปราจีนบุรีแล้วต้องการอุดหนุนผักปลอดสารพิษของกลุ่มเกษตรชีวภาพดงพระราม ก็ไปแวะเลือกซื้อได้ที่โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร
เมื่อถูกคัดเลือกให้เป็นแกนนำกลุ่ม บุญสืบ พยายามศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมอย่างต่อเนื่องจนได้รู้จักกับเจ้าหน้าที่ของสถานีพัฒนาที่ดินปราจีนบุรี จากการเข้าไปขอรับการสนับสนุนปูนมาร์ลเพื่อนำมาปรับปรุงดินเปรี้ยว นอกจากนั้นยังได้รู้จักวิธีการทำปุ๋ยอินทรีย์ ปุ๋ยหมัก น้ำหมักชีวภาพ โดยใช้สารเร่ง พด. และกิจกรรมพัฒนาที่ดินต่าง ๆ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการทำอาชีพเกษตรทำให้ตัดสินใจสมัครเข้าร่วมเป็นหมอดินอาสาของกรมพัฒนาที่ดิน เพื่อเข้ารับการอบรมความรู้ และนำความรู้มาถ่ายทอดให้แก่เกษตรกรในพื้นที่ตำบลดงพระราม
หลังจากที่สั่งสมประสบการณ์จนสามารถเป็นตัวอย่างแก่เกษตรกรในการประกอบอาชีพเกษตร ทางสถานีพัฒนาที่ดินปราจีนบุรีจึงได้คัดเลือกพื้นที่ของนายบุญสืบ จัดตั้งเป็นศูนย์เรียนรู้การพัฒนาที่ดินตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง ต.ดงพระราม อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี และให้เขาเป็นวิทยากรในการถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับกิจกรรมการพัฒนาที่ดิน โดยแบ่งเป็นจุดเรียนรู้ต่าง ๆ ได้แก่ จุดเรียนรู้ด้านการผลิตและสาธิตการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ น้ำหมักชีวภาพ จุดเรียนรู้ด้านการ ผลิตปุ๋ยหมักคุณภาพสูงจากสารเร่ง ซุปเปอร์ พด.1 โดยใช้เศษวัสดุเหลือจากการเพาะเห็ด จุดเรียนรู้ด้านการปรับปรุงบำรุงดินด้วยปุ๋ยพืชสด จุดเรียนรู้ด้านการเพาะเห็ดนางฟ้าภูฏาน
โดยเฉพาะในเรื่องของการเพาะเห็ดนางฟ้าภูฏานซึ่งเป็นพันธุ์ที่มีดอกใหญ่ น้ำหนักมาก ราคาดี หมอดินบุญสืบ เล่าว่า เริ่มแรกซื้อก้อนเห็ดสำเร็จรูปมาจากกาญจนบุรีประมาณ 1,000 ก้อน หลังเก็บผลผลิตขายแล้วหักต้นทุนเหลือกำไรไม่มาก จึงคิดลงมือผลิตก้อนเห็ดเอง ซึ่งมีนักวิชาการบอกว่าถ้าสนใจสามารถทำเองได้หลาย ๆ คนบอกทำแล้วขาดทุนไม่กล้าทำ เพราะพลาดนิดเดียวกลายเป็นเชื้อราที่ลงทุนไปเสียหมด แต่ไม่เคยท้อทำอยู่ปีกว่าจึงสำเร็จ ครั้งแรกเห็นเห็ดออกดอกดีใจมาก เคล็ดลับสำคัญได้ผสมสารเร่งจุลินทรีย์ของกรมพัฒนาที่ดินด้วย ได้ผลดียิ่ง
สำหรับวัสดุหลักในการทำก้อนเห็ดก็คือ ขี้เลื่อยซึ่ง บุญสืบ ใช้ขี้เลื่อยจากไม้มะม่วง กระท้อน ขนุน นุ่น โดยใช้ขี้เลื่อย 1 ตัน สารเร่งซุปเปอร์ พด.1 1 ซอง น้ำหมักชีวภาพจากสารเร่งซุปเปอร์พด.2 5 ลิตร กากน้ำตาล 5 ลิตร หมักทิ้งไว้ประมาณ 7-15 วัน พอเอามือกำรู้สึกนุ่ม ๆ ใส่ถุงอัดให้แน่น แล้วนำไปนึ่งเพื่อฆ่าเชื้อโรค จากนั้นจึงใส่เชื้อเห็ดที่เพาะเลี้ยงไว้ลงไปซึ่งขั้นตอนนี้ต้องระมัดระวังอย่างมาก หากผิดพลาดก็ใช้ไม่ได้
ก้อนเห็ดนางฟ้าภูฏานที่มีเชื้อเต็มพร้อมออกดอก 1,000 ก้อน จะเก็บผลผลิตได้วันละ 10-15 กก. ขายได้ประมาณ กก.ละ 40-50 บาท เก็บได้ประมาณ 8 เดือนก้อนเห็ดจึงหมดเชื้อ ซึ่งหลังจากนั้นสามารถนำมาทำเป็นปุ๋ยหมักไว้ใช้ได้อีก โดยปุ๋ยหมักจำนวน 1 ตัน ใช้ก้อนเห็ดเก่า 300 กก. เศษพืชแห้ง 100 กก. มูลสัตว์ 300 กก. ขี้เถ้าดำ 200 กก. แกลบดิบ 200 กก. สารเร่งซุปเปอร์พด.1 1 ซอง ผสมส่วนผสมทั้งหมดกองไว้ในที่ร่มรักษาความชื้นประมาณ 60% กลับกองทุกเช้า ครบ 7 วัน ทิ้งไว้ให้ความร้อนลดลงอีกประมาณ 7 วัน ก็สามารถนำไปใช้ได้
การผลิตก้อนเห็ดนางฟ้าภูฏานต้องอาศัยความชำนาญเป็นอย่างมาก ต้องมีความอดทนในการฝึกฝนถ้าหากสนใจสามารถติดต่อเรียนรู้หรือขอคำแนะนำได้ ซึ่งศูนย์ฯแห่งนี้มีเกษตรกร นักศึกษา เข้ามาศึกษาเรียนรู้ดูงานอยู่ตลอด ดังนั้นใครที่สนใจต้องการเข้ามาศึกษา ดูงาน หรือขอคำแนะนำ ติดต่อ นายบุญสืบ เดชศร ได้ที่ศูนย์เรียนรู้การพัฒนาที่ดินตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง หมู่ 5 ต.ดงพระราม อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี โทร. 08-6143-0995, 0-3704-6252.
ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 7 ธันวาคม 2553
http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=344&contentID=108137