เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 53
"เงินไม่สำคัญเท่าการมีคุณภาพชีวิตที่ดี" หลักคิดของเกษตรกรดีเด่นระดับชาติ เจ้าของรางวัลชนะเลิศประเภทเกษตรทฤษฎีใหม่ จากการประกวดผลงานตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงครั้งที่ 2 "เปรียวจันทร์ ต๊ะต้นยาง" วัย 43 ปี เจ้าของศูนย์การเรียนรู้เกษตรบ้านสันทราย ต.เชียงเคี่ยน อ.เทิง จ.เชียงราย ที่วันนี้มีความสุขอย่างเต็มเปี่ยมทั้งกายและใจ หลังเจริญรอยตามพ่อตามวิถีพอเพียง
บนเนื้อที่กว่า 70 ไร่ ถูกแบ่งออกเป็นสัดส่วนตามหลักเกษตรทฤษฎีใหม่ตามแนวพระราชดำริ พร้อมประยุกต์พื้นที่บางส่วนตามแนวคิดของตัวเอง โดยเฉพาะพื้นที่นากว่า 30 ไร่ ที่แบ่งเป็นแปลง ๆ อย่างชัดเจน โดยคันนานั้นจะใหญ่กว่าคันนาทั่วไป ซึ่งเจ้าของผืนนาบอกว่า สำหรับปลูกต้นจามจุรีหรือก้ามปูเพื่อเลี้ยงครั่ง ซึ่งตลาดกำลังมีความต้องการเป็นอย่างมาก ปัจจุบันมีการซื้อขายในสนนราคากิโลกรัมละ 80-120 บาท สามารถทำรายได้ให้แก่เกษตรกรเป็นอย่างดี
"การปลูกต้นก้ามปูบนคันนานั้น นอกจากมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เลี้ยงครั่งแล้ว ยังเป็นแนวกันลมให้ต้นข้าวด้วย ที่สำคัญใบก้ามปูที่ร่วงหล่นเป็นปุ๋ยชั้นดีสำหรับนาข้าวอีกด้วย" เปรียวจันทร์เผย
แม้รายได้จากครั่งและผลผลิตจากพืชนิดอื่นๆ จะไม่มากและเป็นกอบเป็นกำเฉกเช่นการปลูกพืชเชิงเดี่ยวเหมือนในอดีต แต่สิ่งที่เธอและครอบครัวได้คือความหลากหลาย มีรายได้ตลอดทั้งปีและเกือบจะไม่มีรายจ่ายในแต่ละวัน ที่สำคัญจะไม่มีการใช้สารเคมีใดๆ ที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย เนื่องจากทุกอย่างเป็นอินทรีย์ 100%
เปรียวจันทร์ย้อนอดีตอันขมขื่นให้ฟังว่า หลังจากยึดการทำเกษตรเชิงเดี่ยวเป็นอาชีพหลักและคิดว่าการใช้สารเคมีและยาปราบศัตรูพืชที่หาได้ตามท้องตลาดจะช่วยสร้างความสะดวกสบายในการทำงานให้มากยิ่งขึ้น แต่แนวทางดังกล่าวกลับสร้างแต่ภาระและความทุกข์ยากให้ตนเองและคนในครอบครัว รายได้จากการทำการเกษตรเชิงเดี่ยวไม่ประสบผลสำเร็จตามที่คาดหวัง สุขภาพของตนเองและคนในครอบครัวเริ่มย่ำแย่จากสารเคมีที่นำมาใช้ในแปลงเกษตร
เมื่อความทุกข์จากเหตุการณ์ต่างๆ ทวีความรุนแรงขึ้นทุกวัน ทุกคนในครอบครัวจึงหันหน้าเข้าหากันและร่วมคิดเพื่อหาแนวทางขจัดปัญหาที่เกิดขึ้นกับครอบครัว ในที่สุดก็คิดว่า ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวคือทางสว่างที่จะนำพาครอบครัวรอดพ้นจากปัญหาต่างๆ และเป็นแนวทางที่สามารถสร้างความยั่งยืนและความมั่นคงในการดำเนินชีวิตได้เป็นอย่างดี
นับตั้งแต่ปี 2542 เป็นต้นมา เธอและครอบครัวจึงปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตมาทำเกษตรทฤษฎีใหม่ตามแนวพระราชดำริ โดยใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นและเทคนิคทางการเกษตรแบบต่างๆ มาผสมผสานกันแบบลงตัว ได้แก่ การทำนา การปลูกผัก ไม้ผล ไม้ยืนต้น อีกทั้งมีการเลี้ยงสัตว์และขุดสระน้ำภายในแปลง นอกจากนี้ยังเลิกใช้สารเคมีทุกชนิดและเรียนรู้ที่จะทำปุ๋ยหมักชีวภาพและน้ำยาปราบศัตรูพืชที่ทำจากวัสดุธรรมชาติด้วยตนเอง
"แนวคิดในการบริหารจัดพื้นที่ เราไม่ได้ยึดเงินเป็นตัวตั้ง แต่จะทำอย่างไรให้ชีวิตอยู่ได้ โดยวิธีดำเนินการคือ มุ่งมั่นเพาะปลูกเพื่อบริโภคภายในครอบครัว ไม่เน้นผลิตเพื่อจำหน่าย นอกจากนี้สิ่งสำคัญคือ ต้องทำทุกอย่างเพื่อสร้างสุขภาพที่ดีให้แก่คนในบ้าน ละเว้นสารเคมีทุกชนิด ใช้ธรรมชาติช่วยสร้างธรรมชาติให้มากที่สุด ส่วนการบริหารจัดการภายในแปลงจะเน้นสร้างความเกื้อกูลซึ่งกันและกันของระบบนิเวศ" เจ้าของรางวัลเกษตรทฤษฎีใหม่กล่าวย้ำ
เปรียวจันทร์ ต๊ะต้นยาง เจ้าของรางวัลชนะเลิศประเภทเกษตรทฤษฎีใหม่แห่งบ้านสันทราย จึงนับเป็นตัวอย่างความสำเร็จในการยึดอาชีพด้านการเกษตรตามแนวพระราชดำริ โดยใช้องค์ความรู้ทางด้านการเกษตรที่ตนเองประสบความสำเร็จไปสู่ชุมชนใกล้เคียงและบุคคลที่สนใจอย่างไม่ท้อถอย โดยยึดหลักคิดที่ว่า เงินไม่สำคัญเท่าการมีคุณภาพชีวิตที่ดี
ที่มา : หนังสือพิมพ์คม ชัด ลึก วันที่ 16 ธันวาคม 2553
http://www.komchadluek.net/detail/20101216/82849/ปลูกจามจุรีเลี้ยงครั่งบนคันนาสูตรจัดการพื้นที่วิธีเปรียวจันทร์.html