เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 53
หอยหวาน ที่พบมากในประเทศไทยมี ๒ ชนิด คือ บาบิโลเนีย อารีโอลาต้า และบาบิโลเนีย สไรลาต้า เป็นสัตว์น้ำที่มีราคาค่อนข้างแพง เป็นที่ต้องการของตลาดทั้งภายในและต่างประเทศ
ในประเทศไทยหอยหวานที่บริโภคส่วนใหญ่จับมาจากแหล่งน้ำธรรมชาติ โดยพบว่ามีแพร่กระจายอยู่หลายจังหวัดทั้งฝั่งอ่าวไทยและชายฝั่งทะเลอันดามัน จังหวัดที่พบว่ามีจับกันมาก คือ ระยอง จันทบุรี เพชรบุรี ระนอง ปัตตานี และนครศรีธรรมราช
ปัจจุบันพบว่าปริมาณหอยหวานที่จับได้จากแหล่งน้ำธรรมชาติลดน้อยถอยลงมากและอาจจะสูญพันธุ์ไปในอนาคต กรมประมงจึงได้ศึกษา ค้นคว้า วิจัย เพื่อให้สามารถเพาะแพร่กระจายพันธุ์หอยชนิดนี้ ปล่อยลงสู่แหล่งน้ำธรรมชาติเป็นการช่วยเพิ่มผลผลิตจากธรรมชาติให้มากขึ้น ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2531 เป็นต้นมา โดยศูนย์พัฒนาประมงทะเลอ่าวไทยฝั่งตะวันออกได้ทำการทดลองเพาะขยายพันธุ์หอยหวานชนิดบาบิโลเนีย อารีโอลาต้า จนเป็นผลสำเร็จ ลูกพันธุ์ที่ได้ก็นำปล่อยลงสู่พื้นน้ำทะเลจังหวัดระยอง อีกส่วนหนึ่งก็นำไปทดลองเลี้ยงให้มีขนาดตามความต้องการของตลาดต่อไป และจากการศึกษาครั้งนี้พบว่าสามารถนำหอยหวานมาเพาะเลี้ยงในบ่อเลี้ยงเชิงพาณิชย์ได้
โดยพื้นที่ที่เหมาะสม ควรเป็นพื้นที่ที่อยู่ติดกับทะเล หรือเป็นเกาะอยู่ห่างจากทะเลไม่มากนัก สามารถนำน้ำทะเลมาใช้ได้สะดวกและเพียงพอ ต้นทุนน้ำจะได้ไม่แพงมากนัก ไม่ควรอยู่ใกล้ปากแม่น้ำหรือลำคลองขนาดใหญ่ที่มีน้ำจืดไหลลงมาจำนวนมากในฤดูฝน เพราะอาจจะเกิดปัญหาความเค็มของน้ำลดลง รวดเร็ว ซึ่งจะมีผลต่ออัตราการตายของหอย
น้ำทะเลจะใช้เลี้ยงหอยหวาน ควรมีความเค็มอยู่ในช่วง 28-35 พีพีที หากน้ำมีความเค็มต่ำกว่า 28 พีพีที หอยหวานอาจจะเจริญเติบโตช้าลง และหากความเค็มลดลงต่ำกว่า 20 พีพีที หอยบางส่วนจะเริ่มตายลง
บ่อใช้เลี้ยงหอยหวานจะมีหลายรูปแบบ แต่ต้องมีระบบที่จะทำให้สามารถถ่ายเทน้ำได้สะดวก มีระบบให้อากาศในปริมาณที่พอเพียง พื้นก้นบ่อหรือก้นถังดังกล่าวควรจัดให้มีทรายรองพื้นภาชนะ เริ่มจากการใช้ทรายละเอียด หากลูกหอยยังมีขนาดเล็ก ปริมาณทรายที่ใช้ไม่จำเป็นต้องมากนัก ให้ทรายมีความหนาพอท่วมตัวหอยที่เลี้ยงก็เป็นการเพียงพอแล้ว บ่อต้องมีพื้นผิวภาชนะที่ราบเรียบ ไม่ขรุขระซึ่งอาจเป็นที่สะสมของเชื้อโรคต่าง ๆ ได้ มีการพรางแสง เพื่อไม่ให้แสงสว่างส่องตัวหอยมากนัก น้ำที่ใช้เลี้ยงต้องใสสะอาด ไม่มีตะกอนแขวนลอย ขนาดความลึกของน้ำในบ่อ ประมาณ 40 ซม. ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับขนาดและความหนาแน่นของหอยที่นำมาเลี้ยง ขนาดของลูกหอยหวานที่เหมาะสมจะนำไปเลี้ยงนั้น ควรมีความยาวเปลือก 0.5 ซม. ขึ้นไป อัตราการปล่อยลูกหอยประมาณ 300-500 ตัวต่อพื้นที่ก้นบ่อ 1 ตารางเมตร
การให้อาหารขึ้นอยู่กับชนิดของอาหารที่จะให้ และขนาดของลูกหอยหวานที่เลี้ยง หากใช้เนื้อปลาควรใช้เนื้อปลาที่มีราคาไม่แพงนัก ควรให้ 2-10% ของน้ำหนักหอยหวานทั้งหมดที่เลี้ยง และตรวจสอบการเจริญเติบโตอย่างน้อยเดือนละครั้ง เมื่อได้ขนาดตามที่ตลอดต้องการก็จับขายได้.
ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 25 ธันวาคม 2553
http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=347&contentID=111964