เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 52
“ไฮโดรโพนิคส์” เป็น เทคนิคการปลูกพืชในรูปแบบหนึ่ง...ซึ่งไม่ใช้ดินเป็นส่วนประกอบหลักเหมือน ทั่วๆไป โดยส่วนใหญ่มักถูกปรับใช้กับสภาพข้อจำกัดด้านพื้นที่หรือปัญหาสภาวะแวดล้อม
ยกตัวอย่าง เช่น พื้นที่มีสภาพปัญหาเรื่องดินเลว หรือ แหล่งน้ำไม่สมบูรณ์ จึงมีการออกแบบโรงเรือน และระบบการใช้น้ำ รวมถึงวิธีการควบคุมปริมาณธาตุอาหารให้แก่พืชได้อย่างเหมาะสมกับสภาพแวดล้อม และความต้องการของพืชแต่ละชนิด
นักวิจัยด้านการเกษตร ได้สร้างวิวัฒนาการอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นแหล่งการเรียนรู้แห่ง ศาสตร์ของเกษตร สามารถปลูกพืชไฮโดรโพนิคส์ แบ่งออกได้ 3 ประเภทใหญ่ๆ คือ การปลูกพืชในสารละลาย (Water Culture) ปลูกพืชในวัสดุปลูก (Sub strate Culture) และ ระบบปลูกให้รากลอยอยู่กลางอากาศ (Aeroponics)
รศ.ดร.เทพ พงษ์พานิช อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้ บอกว่า ทีมงานวิจัยได้พยายามศึกษาเปรียบเทียบการปลูกพืชทั้ง 3 แบบนี้ เพื่อต้องการให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดและลดต้นทุนการผลิต โดยร่วมมือกับ โครงการหลวง สร้างชุดสาธิต...ปลูกผัก ไฮโดรโพนิคส์ขนาดใหญ่ มีความสูงกว่า 3 เมตร ซึ่ง ถือว่าใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ใช้ไม้ไผ่ที่นำมาจาก สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง และได้รับความร่วมมือจากผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่างๆมาร่วมออกแบบระบบ เพื่อเน้นให้เห็นว่าสามารถใช้วัสดุอุปกรณ์ที่หาได้ง่ายในท้องถิ่นมาประยุกต์ เพื่อประหยัดต้นทุนโรงเรือน และนำไปใช้ได้จริงในระดับครัวเรือนชุมชน เมื่อ ปลูกผักแล้วนำมาบริโภคเองอย่างปลอดภัยสอดคล้องกับ แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง ได้เป็นอย่างดี
รศ.ดร.อานัฐ ตันโช หัวหน้าโครงการปลูกพืชไฮโดรโพนิคส์ กล่าวว่า คนส่วนใหญ่มักคิดว่า
ค่าใช้จ่ายในการสร้างโรงเรือนไฮโดรโพนิคส์มีราคาสูง หากเทียบเปรียบกับการปลูกพืชในดินตามปกติ อีกทั้งผู้ปลูกจะต้องมีความรู้ ด้านการจัดการและเทคโนโลยีที่สูงกว่า ทั้งที่จริงแล้วเป็น การควบคุมใช้ธาตุอาหารของพืช ได้ง่ายกว่าการปลูกในดิน สามารถควบคุมผลผลิตและระยะเวลาได้ ค่อนข้างแน่นอน ทำให้ ผลผลิตของไฮโดรโพนิคส์ ออกเร็วกว่าการปลูกในดินประมาณ 1 สัปดาห์ และยังช่วยลดค่าแรงงานในการเตรียมแปลงปลูก ไม่ต้องเสียค่ารถไถ และ ค่ากำจัดวัชพืช หากต้องการปลูกเพื่อการค้าควรมีการศึกษาตลาดผู้บริโภคหรือปลูกพืชชนิดที่ไม่ค่อยมีวางจำหน่ายในท้องตลาด
หัวหน้าโครงการปลูกพืชไฮโดรโพนิคส์ กล่าวอีกว่า คำแนะนำสำหรับบางคนที่อาจมีความสงสัยเกี่ยวกับเรื่องสารตกค้าง วิธีรับประทานผักไฮโดรโพนิคส์ ไม่ว่าจะเป็นผักที่ซื้อมาหรือปลูกเองจากแปลง ให้นำผักไปแช่น้ำทิ้งไว้ 24 ชั่วโมง ผักจะอิ่มตัวแล้ว คายสารที่ตกค้างออกมาได้หมด ทำให้สามารถบริโภค ได้อย่างปลอดภัย ซึ่งข้อมูลเหล่านี้มีรายละเอียดให้ท่านที่สนใจด้วยเช่นเดียวกัน
และนอกจากชุดสาธิตไม้ไผ่ขนาดยักษ์แล้ว ทีมงานวิจัยยังสร้างชุด ปลูกผักโฮโดรโพนิคส์ขนาดเล็ก จากไม้ไผ่ฝีมือของนักศึกษาใน ราคาต้นทุนไม่เกิน 500 บาท ซึ่งเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญยินดีให้ความรู้ และสอนวิธีการปลูกให้สามารถนำกลับไปปลูกที่บ้านได้ ดังนั้นหากต้องการปลูกผักกินเองก็สามารถซื้อชุดปลูกผักสำเร็จรูป ในแบบราคาย่อมเยานี้ไปปลูกหลังบ้านก็ได้เช่นกัน เพราะโรงเรือนไฮโดรโพนิคส์สามารถปลูกผักได้ทุกชนิดเหมือนการปลูกผักในดิน ทั้งผักพื้นบ้าน และ ผักเมืองหนาว ที่นำมาสาธิต เช่น ผักกาดแก้ว เนื่องจากเป็นที่นิยมในเมนูอาหารเพื่อสุขภาพอย่างสลัดผักนานาชนิด
ใครสนใจต้องการชมชุดปลูกผักไฮโดรโพนิคส์ จากไม้ไผ่ขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย กริ๊งกร๊าง โดยตรงที่ รศ.ดร.อานัฐ ตันโช หัวหน้ากองทุนปุ๋ย อินทรีย์และไฮโดรโพนิคส์ มูลนิธิโครงการหลวง ภาควิชาทรัพยากรดินและสิ่งแวดล้อม คณะผลิตกรรมการเกษตร มหาวิทยาลัยแม่โจ้ 0-5387-3490 ต่อ 117,08-9956-9830 หรือคลิกที่ www.maejohydroponics.org
ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2552
http://www.thairath.co.th/news.php?section=agriculture&content=123703