เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 52
ท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจที่กำลังตกต่ำลงในปัจจุบัน หลายฝ่ายต่างคำนึงถึงต้นทุนหรือภาวะการใช้จ่ายในครอบครัวเพื่อหาหนทางให้ประหยัดที่สุด อย่างยิ่งด้านการทำอาชีพเกษตร จุดนี้ทำให้ ชวินทร์ จิตตานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อ็อปซี่ อกริ เทรดดิ้ง จำกัด
เล็งเห็นว่าถึงเวลาที่คนไทยจะผลิตสินค้าแบรนด์คนไทย ที่มีคุณภาพ แต่ราคาประหยัดเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ดังกล่าว เขาจึงคิดต่อยอดกิจการของครอบครัว ผลิตเครื่องมือการเกษตรครบวงจรขึ้น ภายใต้เครื่องหมายการค้า "ไชโย" โดยเฉพาะ "เครื่องสีข้าว" ที่เน้นคุณภาพ มีเป้าหมายเข้าถึงทุก อบต. และขยายสู่ตลาดต่างประเทศในอนาคต
ชวินทร์เล่าว่า แม้ช่วงแรกเขาจะไม่ค่อยสนใจกับกิจการนี้สักเท่าไหร่ เพราะไม่มีความรู้ด้านเครื่องมือการเกษตร เนื่องจากจบมาทางด้านกฎหมาย แต่ด้วยผู้เป็นลุงซึ่งจับธุรกิจผลิตเครื่องมือการเกษตรและทำตลาดอยู่ในเขตภาคใต้อยู่ก่อนคอยแนะนำ และชักชวนให้มาทำธุรกิจด้านนี้ จึงเป็นเหตุผลทำให้เขาต้องหันมาใส่ใจอย่างจริงจัง ก่อนลงมือศึกษาหาประสบการณ์อยู่นาน 2-3 ปี ด้วยการลงพื้นที่ขายเครื่องมือเหล่านี้ในนามบริษัทของผู้เป็นลุง ก่อนที่จะมาเปิดเป็นบริษัทของตนเองในนาม บริษัท อ็อปซี่ อกริ เทรดดิ้ง จำกัด เมื่อปี 2549 ด้วยทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท โดยมีที่ทำการอยู่ที่ 114 ซ.วิภาวดีรังสิต 44 ถ.วิภาวดีรังสิต เขตจตุจักร กทม.
"รูปแบบกิจการ เป็นทั้งผู้ผลิต จำหน่าย และนำเข้าเครื่องจักรกลการเกษตร อาทิ เครื่องสีข้าว เครื่องอบข้าว เครื่องจักรผลิตปุ๋ยอินทรีย์-ชีวภาพ เครื่องมือแปรรูปอาหาร และเครื่องมือถนอมอาหาร แต่ที่เน้นมากๆ คือ เครื่องสีข้าว แบรนด์ "ไชโย" เพราะเป็นตัวที่ทำตลาดได้ดีที่สุด เนื่องจากมีหลายขนาด ที่สำคัญเรายังรับผลิตตามแบบของลูกค้าด้วย อย่างที่ทำอยู่มีตั้งแต่ราคา 5 หมื่น-5 แสนบาท รับรองคุณภาพเทียบเท่าของนำเข้าหรือของบริษัทใหญ่ๆ แต่ราคาของเราถูกกว่าครึ่ง ตรงนี้อาจมีข้อด้อยเรื่องรูปร่างที่อาจจะยังไม่สวยงามเท่า แต่ขอรับรองเรื่องประสิทธิภาพนั้นเกินร้อย" ชวินทร์ แจง
พร้อมระบุถึงจุดเด่นของเครื่องสีข้าวแบรนด์ "ไชโย" ว่า นอกจากมีคุณสมบัติทำงานได้ครบวงจรในเวลาที่รวดเร็ว ผลผลิตที่ได้แทบไม่มีข้อผิดพลาด การดำเนินการติดตั้งก็ใช้เวลาอันรวดเร็วภายใน 1 วันเท่านั้นเพราะเป็นระบบน็อกดาวน์ ในขณะที่ผลิตภัณฑ์นำเข้า หรือจากบริษัทใหญ่ๆ นั้นต้องใช้เวลาติดตั้งนานเป็นสัปดาห์
สำหรับผลประกอบการช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ชวินทร์ยอมรับว่า ค่อนข้างทำตลาดหนักมาก เพราะการแข่งขันค่อนข้างสูง ดังนั้นกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่เขาจึงพุ่งเป้าไปที่หน่วยราชการที่เกี่ยวกับการเกษตรทั่วประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน กลุ่ม อบต. เทศบาล ที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณโครงการต่างๆ จากรัฐบาล อาทิ โครงการอยู่ดีมีสุข เอสเอ็มแอล เป็นต้น อย่างปี 2551 ที่ผ่านมา บริษัทสามารถทำตลาดเฉพาะเครื่องสีข้าวได้ถึงกว่า 100 เครื่อง ทั้งนี้ หน่วยงานที่ซื้อสินค้าเครื่องมือการเกษตรจากบริษัทของเขา จะมีบริการดูแลและซ่อมบำรุงสินค้าภายหลังการขายให้แก่ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง
"ปีที่ผ่านมา ลูกค้าส่วนใหญ่จะอยู่ในเขตภาคกลาง อาทิ สุพรรณบุรี สิงห์บุรี ฯลฯ และก็มีบ้างบางจังหวัดในภาคอีสาน แต่สำหรับปีนี้ เราต้องการขยายให้ครอบคลุมทั่วภาคอีสาน โดยเน้นลงพื้นที่รากหญ้า อย่าง อบต.เพิ่มขึ้น" ชวินทร์บอกและฝากบอกถึงชุมชน กลุ่มหมู่บ้านต่างๆ ที่ต้องการเครื่องมือการเกษตร หรือเครื่องสีข้าวผลิตผลของบริษัท สอบถามได้ที่โทร.0-2561-3953 และ 08-5686-1516
พร้อมแจงถึงเป้าหมายในอนาคตว่า หากเป็นไปได้จะขยายตลาดไปยังต่างประเทศเน้นประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อย่าง ลาว กัมพูชา ควบคู่ไปกับการพัฒนาคุณภาพสินค้าและการบริการให้มีประสิทธิภาพตามมาตรฐานสากล
ที่มา : หนังสือพิมพ์คม ชัด ลึก วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2552
http://www.komchadluek.net/2009/02/17/x_agi_b001_337476.php?news_id=337476