'ผงไหม' ผลผลิตจากไหมที่มากด้วยคุณประโยชน์
เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 52
'ผงไหม' ผลผลิตจากไหมที่มากด้วยคุณประโยชน์
หลายคนรู้ว่า “ไหม” เป็นเส้นใยโปรตีนธรรมชาติที่สามารถนำมาทอเป็นผ้าไหมได้ และเส้นใยนั้นก็ได้มาจากหนอนไหมอีกทีหนึ่งที่มีความสามารถในการผลิตเส้นใยเพื่อห่อหุ้มร่างกายของมันเอาไว้ แต่ปัจจุบันมีการศึกษาวิจัยมากมายที่ทำให้ไหมมีคุณประโยชน์มากกว่านั้น อย่างเช่น ผงไหม...บางคนก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร เอามาทำอะไร ซึ่งบางคนหากเคยไปงานแสดงสินค้า อาจเคยเห็นว่า เขานำผงไหมมาเป็นส่วนผสมของสบู่ หรือเครื่องสำอางอื่น ๆ
ผงไหมคืออะไร...ผงไหมคือผงโปรตีนที่ได้มาจากขบวนการการผลิตเส้นไหมไทย พูดให้ง่ายกว่านั้นคือการนำเส้นไหม รังไหมและเศษ
เหลือใช้จากเส้นไหมมาแปรรูปเป็นผงไหมนั่นเอง ผงไหม มี 2 ชนิดด้วยกัน คือ ผงไหมจากกาวไหม ที่เรียกว่า ผงไหมซิริซิน และผงไหมจากเส้นใยไหม ที่เรียกว่า ผงไหมไฟโบรอิน ซึ่งมีทั้งชนิดที่ละลายน้ำและชนิดที่ไม่ละลายน้ำขึ้นอยู่กับกรรมวิธีการผลิต การที่เขานำผงไหมไปเป็นส่วนผสมของสบู่ หรือเครื่องสำอางอื่น ๆ ก็แสดงว่า มันมีประโยชน์ต่อผิวพรรณ ซึ่งจากการวิจัยโดย ทีมของนักวิชาการจาก กรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร่วมกับ สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข พบว่า ผงไหมโดยเฉพาะ ผงไหมไทย มีคุณสมบัติที่มีประโยชน์ต่อผิวพรรณ โดยมีส่วนประกอบสำคัญคือ โปรตีนคุณภาพสูงที่มี กรดอะมิโนมากถึง 18 ชนิด ช่วยเพิ่มสารอาหารให้เซลล์ที่สร้าง “คอลลาเจน” และ “อีลาสติน” ซึ่ง ทั้งคอลลาเจน และ อีลาสตินมีบทบาทสำคัญทำให้ผิวพรรณเต่งตึง ยืดหยุ่นและมีความชุ่มชื้น เมื่ออายุมากขึ้นคือประมาณ 25 ปีขึ้นไป คอลลาเจนใน ร่างกายคนเรามันจะสูญสลายไปมากกว่าที่มันได้ผลิตขึ้นมา เรียกว่ามันไม่สมดุลกันระหว่างอุปสงค์และอุปทาน ฉะนั้นเมื่อคนเรามีอายุมากขึ้นเรื่อย ๆ ผิวพรรณที่เคยเต่งตึงจึงเหี่ยวย่นลงด้วยประการฉะนี้ ข้อมูลจากวิกิพีเดีย บอกไว้ว่า คอลลาเจน เป็นโปรตีนที่อยู่ใต้ชั้น หนังแท้ เป็นตัวช่วยสร้างความตึงกระชับให้กับผิว คอลลาเจนมีอยู่ในตัวของมนุษย์ทุกคน แต่ถ้าเมื่อถึงอายุ 20 ปี จะสูญเสียคอลลาเจน ทุก ๆ ปี ปีละ 1% เมื่อขาดคอลลาเจน ผลเสียที่ตามมา คือ ทำให้ผิวเกิดริ้วรอย เหี่ยวย่น หยาบกระด้าง ไม่ยืดหยุ่น
ผงไหมมิใช่ว่ามีคุณประโยชน์แค่นั้น เพราะจากการวิจัย พบว่า ผงไหมสามารถนำมาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ เพราะช่วยรักษาแผลให้หายเร็วขึ้น สามารถกำจัดเชื้อจุลินทรีย์บางชนิดที่เป็นสาเหตุของโรคผิวหนัง ทั้งยังช่วยรักษาปริมาณน้ำในผิวหนัง กำจัดสิ่งสกปรกในเซลล์และยืดอายุเซลล์ได้อีกด้วย
ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เกิดขึ้นจากผงไหม เช่น มีการพัฒนานวัตกรรมเครื่องสำอางจากผงไหม โดยการนำใยไหมมาผ่านกระบวนการทำความร้อนและสกัดด้วยวิธีเฉพาะจนได้ผงไหมที่มีคุณ สมบัติพิเศษผ่านการฆ่าเชื้อจนได้ผงไหมที่บริสุทธิ์ พร้อมนำมาเป็นวัตถุดิบในรูปของเซรั่มบำรุงผิวหน้า นอกจากนี้ มีการต่อยอดจากเซรั่มผงไหม เป็นผลิตภัณฑ์อื่น ๆ เช่น ยาสระผม ครีมบำรุงผิวพร้อมป้องกันอันตรายจากแสงแดด อาหารเสริม เป็นต้น
นอกจากนี้ ทาง สถาบันหม่อนไหมแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ ได้คิดค้นวิธีสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับเศษไหมเหลือทิ้งได้ เป็นเพราะว่าในแต่ละปีประเทศไทยผลิตเส้นไหมได้ประมาณ 1,500 ตัน โดยมีเศษไหมเหลือทิ้งไม่ต่ำกว่า 200 ตัน ซึ่งสามารถสกัดเอากาวไหมหรือซิริซินมาทำเป็นผงไหมสำหรับใช้ประโยชน์ได้หลายด้าน ทั้งเครื่องสำอาง อาหาร และวัสดุทางการแพทย์ได้ โดยเศษไหม 1 กิโลกรัม สามารถนำมาผลิตผงไหมซิริซินได้ประมาณ 300 กรัม ซึ่งเมื่อเป็นผงไหมแล้ว จะสามารถขายได้ราคามากถึงกิโลกรัมละ 20,000 บาท และหากนำผงไหมไปทำเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ จะเพิ่มมูลค่าได้อีก 5-10 เท่า
นับเป็นการวิจัยที่ให้ประโยชน์อย่างครบวงจร ทั้งด้านผลิตภัณฑ์ ผู้ประกอบการและที่สำคัญ ทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น เป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับสิ่งที่เคยคิดว่าไม่มีค่ามาก่อน มองเห็นคุณค่าของผงไหมหรือยัง
ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2552
http://www.dailynews.co.th/web/html/popup_news/Default.aspx?Newsid=191659&NewsType=1&Template=1
ข่าวที่เกี่ยวข้อง ทางเลือก-ทางรอดเกษตรกรรมไทยในปี 2553
มันสำปะหลังทุบสถิติส่งท้ายปี สูงเกินราคาประกันรัฐบาล คาดปีหน้ายังพุ่งขึ้นต่อเนื่อง
เตือนภัย เพลี้ยแป้งระบาดในมันสำปะหลัง
อียูลดค่าสีผสมอาหาร 3 ชนิด
สศก.เปิดเผยศึกษาลำไยนอกฤดู ยันเกษตรกรได้รับผลคุ้มค่า แนะตั้งกลุ่มส่งเสริมจริงจัง
โอกาสของเกษตรกรรายย่อยในการรับรองฟาร์มแบบกลุ่ม
มะนาวพันธุ์ 'แป้นดกพิเศษ' ดกกว่าพันธุ์แป้นรำไพ 2-3 เท่า