ผู้ส่งออกไทยสนใจบุกตลาดอินเดีย
เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 52
ผู้ส่งออกไทยสนใจบุกตลาดอินเดีย
นายไพศาล มะระพฤกษ์วรรณ รองกงสุลใหญ่ฝ่ายการพาณิชย์ ได้กล่าวภายหลังการสัมมนา export clinic สำหรับการเจาะตลาดอินเดียให้ประสบความสำเร็จ ที่โรงแรมแกรนด์มิราเคิล ว่าปัจจุบันอินเดียเป็นประเทศหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่ยังรักษาการเติบโตทางเศรษฐกิจในเกณฑ์ที่สูง โดยในปี 2551 มีการขยายตัวถึง 7% ประกอบกับมีประชากรที่มีกำลังซื้อสูงมีมากถึง 300 ล้านคน จึงทำให้ผู้ส่งออกไทยจำนวนมากหันมาให้ความสนใจที่จะเจาะตลาดอินเดียกันมากขึ้น ขณะที่ตลาดอื่น ๆ เริ่มซบเซาอันเนื่องมาจากวิกฤติเศรษฐกิจโลก
ตลาดอินเดียเป็นตลาดที่มีโอกาสมากในสินค้าหลายชนิด เช่น สินค้าเกษตรแปรรูป เนื่องจากเทคโนโลยีการเกษตรของอินเดียยังไม่ทันสมัย ประกอบกับยังไม่มีคู่แข่งจากประเทศอื่นเข้าไปทำตลาดมากนัก และคนอินเดียยังนิยมใช้ของนอก จึงเป็นโอกาสให้กับสินค้าไทยในหมวดสินค้าอาหารที่จะเข้าไปทำตลาด ไม่ว่าจะเป็น เครื่องแกงสำเร็จรูป น้ำกะทิ ข้าวเกรียบชนิดยังไม่ทอด โปรตีนเกษตร (คนอินเดียบริโภคอาหารมังสวิรัติ 60%) อาหารมังสวิรัติต่าง ๆ ขนมประเภท snack
ลำไย และ
มังคุด เป็นต้น
นอกจากนั้นยังมีโอกาสในด้านเครื่องจักรกลทางการเกษตรของไทยที่กำลังเป็นที่สนใจของคนอินเดียเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะ
เครื่องสีข้าว เนื่องจากกำลังการผลิตมากกว่าเครื่องของอินเดียถึง 3 เท่าตัว แถมราคาก็ไม่แพง จึงมีผู้สั่งซื้อเข้าไปใช้ในอินเดียเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ
ส่วนสินค้าของตกแต่งบ้าน และเฟอร์นิเจอร์ชนิดผู้ซื้อประกอบเองก็กำลังเป็นที่ต้องการสูง เนื่องจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์กำลังบูมในอินเดีย การออกแบบของตกแต่งบ้านของไทยนั้นทันสมัยกว่าของอินเดีย แถมไม่แพง เป็นที่ต้องการของเศรษฐีใหม่ในอินเดียเป็นอย่างยิ่ง
อีกสาขาหนึ่งที่น่าสนใจไม่น้อย นั่นคือการบริการ ไม่ว่าจะเป็น สปา ร้านอาหารไทย และการรักษาพยาบาล สปาไทยกำลังเป็นที่นิยมเป็นอย่างมากในอินเดีย โดยโรงแรม รีสอร์ท และร้านเสริมสวยในอินเดียมักจะมีสปาไทยไว้บริการลูกค้า สำหรับร้านอาหารไทยควรสนับสนุนให้มีการร่วมทุนในลักษณะแฟรนไชส์ เช่น ร้านก๋วยเตี๋ยวแบบไทย ซึ่งจะมีส่วนสำคัญที่จะช่วยแก้ปัญหามันสำปะหลังล้นตลาดด้วย เนื่องจากหากมีร้านแฟรนไชส์ร้านก๋วยเตี๋ยวในต่างประเทศมากขึ้น การส่งออกเส้นก๋วยเตี๋ยวที่ทำจากมันสำปะหลังก็จะมีมากขึ้นตามไปด้วย ทั้งนี้กระทรวงพาณิชย์อาจริเริ่มสร้างแฟรนไชส์ธงฟ้าก๋วยเตี๋ยวไทยในต่างประเทศก็จะดีไม่น้อย
สำหรับธุรกิจการรักษาพยาบาล ควรประชาสัมพันธ์ให้คนอินเดียได้ทราบว่าแม้แต่คนดูไบยังมารักษาพยาบาลในไทย เนื่องจากชาวอินเดียที่มีฐานะดีมักจะเดินทางไปพักผ่อน ไปชอปปิงที่ดูไบ และมักจะเลียนแบบรูปแบบการใช้ชีวิตของชาวดูไบ ซึ่งหากชี้ประเด็นนี้ก็จะมีคนอินเดียมาใช้บริการรักษาพยาบาลในไทยมากขึ้น นอกจากนั้นก็ควรโฆษณาร้าน duty free ของไทยด้วยว่าราคาเท่ากับหรือถูกกว่าที่ดูไบ เพื่อให้คนอินเดียหันมาชอปปิงและมาเที่ยวไทยมากขึ้น
สำหรับท่านที่สนใจเปิดตัวในตลาดอินเดีย ไม่ควรพลาดที่จะร่วมงาน ไทยแลนด์เอ็กซิบิชั่น ที่เมืองเจนไน ระหว่างวันที่ 22-26 กรกฎาคม 2552 นี้ โดยสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่กรมส่งเสริมการส่งออก ซึ่งในปีนี้จะจัดอย่างยิ่งใหญ่ถึง 5 วัน มีทั้งการแสดงสินค้า สปาไทย และการแสดงศิลปวัฒนธรรมไทย ไม่ว่าจะเป็นการรำไทย การแสดงเพนท์ร่ม การแกะสลักผลไม้ ซึ่งจะเป็นแม่เหล็กที่สำคัญดึงดูดชาวภารตะเข้าชมงานไม่ต่ำกว่า 1 แสนคน.
ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 5 มีนาคม 2552
http://www.dailynews.co.th/web/html/popup_news/Default.aspx?Newsid=192533&NewsType=1&Template=1
ข่าวที่เกี่ยวข้อง ทางเลือก-ทางรอดเกษตรกรรมไทยในปี 2553
มันสำปะหลังทุบสถิติส่งท้ายปี สูงเกินราคาประกันรัฐบาล คาดปีหน้ายังพุ่งขึ้นต่อเนื่อง
เตือนภัย เพลี้ยแป้งระบาดในมันสำปะหลัง
อียูลดค่าสีผสมอาหาร 3 ชนิด
สศก.เปิดเผยศึกษาลำไยนอกฤดู ยันเกษตรกรได้รับผลคุ้มค่า แนะตั้งกลุ่มส่งเสริมจริงจัง
โอกาสของเกษตรกรรายย่อยในการรับรองฟาร์มแบบกลุ่ม
มะนาวพันธุ์ 'แป้นดกพิเศษ' ดกกว่าพันธุ์แป้นรำไพ 2-3 เท่า