หน้าแรก > ข่าวเกษตรประจำวัน
'ไผ่บงหวานนอกฤดู' ของดีเมืองแพร่
เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 52
'ไผ่บงหวานนอกฤดู' ของดีเมืองแพร่
การปลูกไผ่เพื่อขายหน่อจัดเป็นรูปแบบเกษตรกรรมอินทรีย์และปลอดสารพิษ เนื่องจากมีการใช้สารเคมีน้อยมากหรือไม่ได้ใช้เลย นอกจากนั้นการปลูกไผ่ยังช่วยลดโลกร้อนได้ดีกว่าต้นไม้หลายชนิด อย่างกรณีของ คุณวรรณบดี และ คุณลำพึง รักษา เกษตรกรอำเภอเด่นชัย จังหวัดแพร่ ซึ่งเริ่มจากการปลูกพืชผักและไม้ผลหลายชนิดและหนึ่งในนั้นคือปลูกไผ่บงหวาน เมื่อต้นไผ่บงหวานมีหน่อจำหน่ายได้ปรากฏว่าไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด ด้วยลักษณะเด่นอยู่ที่หน่อไผ่มีรสชาติไม่ขม สามารถกินเป็นหน่อไม้ดิบเหมือนผักสดและไม่ขมติดลิ้นเหมือนหน่อไม้ไผ่พันธุ์อื่น ๆ นำไปประกอบอาหารได้หลากหลายเมนู อาทิ ต้มจิ้มน้ำพริก ผัดน้ำมันหอย ชุบแป้งทอด และต้มจืดกระดูกหมู เป็นต้น ปัจจุบันรวมญาติพี่น้องขยายพื้นที่ปลูกไผ่บงหวานจำนวน 33 ไร่ คุณวรรณบดียังได้บอกถึงเทคนิคในการบริโภคไผ่บงหวานให้ได้รสชาติอร่อยจะต้องต้มน้ำให้เดือดแล้วค่อยใส่ไผ่บงหวานลงไปในน้ำเดือดเฉลี่ย 5-7 นาทีเท่านั้น นำมารับประทานได้เลยไม่ต้องต้มน้ำทิ้ง
เป็นที่สังเกตว่าในการปลูกไผ่บงหวานของสวนไผ่หวานเพชรน้ำผึ้งนั้นคุณวรรณบดีได้นำเมล็ดพันธุ์มาเพาะเมื่อ ปี พ.ศ.2549 ลักษณะประจำพันธุ์เป็นไผ่ขนาดกลาง ลำต้นเมื่อโตเต็มที่มีความสูงเฉลี่ย 7-12 เมตร หน่อที่เก็บจากต้นที่เจริญเติบโตเต็มที่จะมีน้ำหนัก 4-5 หน่อต่อกิโลกรัม ระยะที่ใช้ปลูกระหว่างต้น 2 เมตร ระหว่างแถว 4 เมตร พื้นที่ 1 ไร่ปลูกได้ 200 ต้น ในเรื่องของการดูแลรักษาเพื่อที่จะผลิตไผ่บงหวานนอกฤดูนั้น ในแต่ละปีจะต้องมีการตัดแต่งต้นเก่าแก่ออกปีละ 1 ครั้ง ในช่วงเดือนพฤศจิกายนโดยนำไม้ไผ่ไปใช้ทำไม้ค้ำยันต้นไม้ผล ที่เหลือนำไปเผาเป็นถ่านไม้ไผ่เพื่อใช้ในครัวเรือน ส่วนใบและกิ่งไผ่ทิ้งไว้ในแปลงปลูกไผ่ เพื่อให้จุลินทรีย์ย่อยสลายกลายเป็นปุ๋ยให้กับต้นไผ่ต่อไป ในช่วงฤดูฝนจะปล่อยให้หน่อไผ่แทงขึ้นเป็นลำ หนึ่งกอปล่อยให้ขึ้นเป็นลำเฉลี่ย 8-12 ลำ เพื่อเป็นลำแม่ที่จะให้หน่อในฤดูถัดไป ลำที่ขึ้นใหม่มามักจะแขนง ออกตามข้อ เกษตรกรจะต้องหมั่นตัดแขนงทิ้ง ด้วยสวนไผ่แห่งนี้มีการจัดการระบบการให้น้ำที่ดีสามารถให้น้ำได้ตลอดทั้งปี สามารถเก็บหน่อไผ่บงหวานได้ตั้งแต่เดือนมกราคม-พฤษภาคม ของทุกปีและขายจากสวนได้ราคากิโลกรัมละ 50 บาท สำหรับหน่อไผ่ที่ออกในฤดูระหว่าง เดือนมิถุนายน-ตุลาคม ขายจากสวนได้ราคากิโลกรัมละ 35 บาท สรุปได้ว่าในแต่ละปีคุณวรรณบดีจะเก็บหน่อไผ่บงหวานได้เกือบตลอดทั้งปีเว้นเฉพาะเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคมเท่านั้น ในพื้นที่ปลูกไผ่บงหวาน 1 ไร่ จะมีรายได้จากการขายหน่อเฉลี่ย 75,000 บาท
ปัจจุบันสวนไผ่แห่งนี้ทางธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร จ.แพร่ ได้สนับสนุนให้เป็นศูนย์เรียนรู้ของเกษตรกรโดยทั่วไป.
ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 13 มีนาคม 2552
http://www.dailynews.co.th/web/html/popup_news/Default.aspx?Newsid=193266&NewsType=1&Template=1
ข่าวที่เกี่ยวข้อง ทางเลือก-ทางรอดเกษตรกรรมไทยในปี 2553
มันสำปะหลังทุบสถิติส่งท้ายปี สูงเกินราคาประกันรัฐบาล คาดปีหน้ายังพุ่งขึ้นต่อเนื่อง
เตือนภัย เพลี้ยแป้งระบาดในมันสำปะหลัง
อียูลดค่าสีผสมอาหาร 3 ชนิด
สศก.เปิดเผยศึกษาลำไยนอกฤดู ยันเกษตรกรได้รับผลคุ้มค่า แนะตั้งกลุ่มส่งเสริมจริงจัง
โอกาสของเกษตรกรรายย่อยในการรับรองฟาร์มแบบกลุ่ม
มะนาวพันธุ์ 'แป้นดกพิเศษ' ดกกว่าพันธุ์แป้นรำไพ 2-3 เท่า