เมื่อวันที่ 20 เมษายน 52
นายชาติชาย พุคยาภรณ์ รมช.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า จากวิกฤติเศรษฐกิจโลก ส่งผลให้ประเทศไทยในฐานะผู้ส่งออกสินค้าเกษตรรายใหญ่ได้รับผลกระทบ ประกอบกับการคาดการณ์ของสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) พบว่า ผลผลิตผลไม้ของปีนี้จะเพิ่มจำนวนขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 10 ประกอบกับผลไม้จะออกมากพร้อมกันหรือในช่วงเวลาเดียวกัน ทำให้ผลผลิตกระจุกตัว อีกทั้งผลไม้มีอายุสั้น เน่าเสียง่าย ราคาจึงตกต่ำตามหลักของอุปสงค์อุปทาน
ดังนั้น กระทรวงเกษตรฯในฐานะผู้ดูแลด้านการผลิตได้ร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไขปัญหาเป็นประจำทุกปี และขณะนี้ได้รับแจ้งว่าผลไม้หลายชนิดเริ่มทยอยออกสู่ตลาดบ้างแล้ว จึงต้องวางแผนแบบบูรณาการทั้งระบบ ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือจากทั้งภาครัฐ เอกชน และเกษตรกร เพื่อร่วมกันหาแนวทางดำเนินงานและเตรียมการป้องกันแก้ไขปัญหาทั้งในส่วนของปีนี้และในระยะยาว ทั้งตลาดในประเทศ
โดยจะรักษาตลาดเดิมที่รัฐบาลให้ความสำคัญ อาทิ จีน เนื่องจากมีกำลังในการบริโภคสูง ถึงแม้ว่าแนวโน้มในการบริโภคผลไม้เกรด B และต่ำกว่าอาจลดลง 20% ในช่วงปีนี้ แต่คาดว่าในกลุ่มเกรด A+ และ A จะยังคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก ควบคู่การเพิ่มตลาดใหม่ อาทิ อินเดีย ที่สินค้าผลไม้แปรรูปและผลิตภัณฑ์น้ำผลไม้ น่าจะมีอนาคต ตลอดจนประเทศแถบตะวันออกกลาง ซึ่งมีโอกาสขยายตลาดในกลุ่มประชากรที่มีรายได้สูงด้วยสินค้าคุณภาพตรวจสอบย้อนกลับได้ รองรับพฤติกรรมผู้บริโภคที่มีความพิถีพิถันในเรื่องที่มาของสินค้า รวมทั้งให้ความร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์ ในกิจกรรม Road Show ผลไม้ไทยที่จัดขึ้นในประเทศต่างๆ ด้วย
ด้าน นายอภิชาต จงสกุล เลขาธิการ สศก. กล่าวว่า ในส่วนการขยายการส่งออกผลไม้ไปยังตลาดใหม่อื่นๆ ภาครัฐควรเจรจาผ่อนปรนเกี่ยวกับการตรวจสอบซ้ำ 100% ในบางแห่งหรือบางสินค้า โดยต้องแสดงให้คู่ค้ายอมรับระบบตรวจสอบสารตกค้าง หรือระบบการผลิตของไทยที่มีมาตรฐานชัดเจน เพื่อป้องกันการกีดกันทางการค้าด้วยการสร้างเงื่อนไขต่างๆ ขึ้นมาทำให้ใช้ระยะเวลานานในการรอจำหน่าย
ที่มา : หนังสือพิมพ์แนวหน้า วันที่ 20 เมษายน 2552
http://www.naewna.com/news.asp?ID=157831