เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 52
สศก.ระบุพบเพลี้ยแป้งสีชมพูพันธุ์ใหม่ตัวฉกาจระบาดหนักในไร่มันสำปะหลัง 5 จังหวัด ทำลายผลผลิตไปแล้วกว่า 4 แสนไร่ ย้ำต้องเผาทิ้งเท่านั้น เชื่อมีผลผลิตมันหายจากระบบไม่ต่ำกว่า 2 ล้านตัน มูลค่าเสียหายหลายพันล้าน
นายอภิชาต จงสกุล เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยว่า ขณะนี้มีการพบเพลี้ยแป้งสีชมพูระบาดทำลายไร่มันสำปะหลังในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา ชลบุรี ระยอง บุรีรัมย์ และกำแพงเพชร รวมเนื้อที่ประมาณ 4-5 แสนไร่ โดยกรมวิชาการเกษตรได้เข้าไปตรวจสอบแล้วว่าเป็นพันธุ์ที่ยังไม่เคยพบในประเทศไทยมาก่อน จึงได้ส่งตัวอย่างไปตรวจที่ประเทศอังกฤษ ซึ่งจะทราบผลในเร็วๆ นี้
อย่างไรก็ตาม มันสำปะหลังที่ติดเชื้อเพลี้ยแป้งนี้จะเกิดการชะงักการเจริญเติบโต และตายในที่สุด เพราะเป็นเพลี้ยพันธุ์ที่มีความทนทานและเชื้อแรง โดยเฉพาะถ้าระบาในมันสำปะหลังที่มีช่วงอายุต่ำกว่า 4 เดือน จะต้องเผาทำลายทิ้งอย่างเดียว นอกจากนี้ เกษตรกรจะต้องพักแปลงและปลูกพืชชนิดอื่นแทน ซึ่งแนะนำให้ปลูกพืชบำรุงดิน เช่น ถั่วพร้า เพื่อเพิ่มอินทรียวัตถุให้กับดิน ที่สำคัญจะเป็นการตัดวงจรเชื้อให้หมดไป เนื่องจากขณะนี้ยังไม่ทราบสาเหตุของการแพร่กระจายของเพลี้ยแป้งว่าเกิดจากท่อนพันธุ์หรือวิธีใด ดังนั้น ขอเตือนให้เกษตรกรหมั่นตรวจสอบไร่มันสำปะหลังว่ามีอาการผิดปกติหรือไม่ ถ้าพบให้รีบแจ้งเกษตรอำเภอ หรือเกษตรจังหวัดให้เข้ามาตรวจสอบ จะได้ทำลายได้ทันท่วงที
นายอภิชาต กล่าวเพิ่มเติมว่า ความเสียหายจากเพลี้ยแป้งระบาดในไร่มันสำปะหลังในครั้งนี้ คาดว่าจะทำให้ผลผลิตมันสำปะหลังหายไปจากระบบไม่ต่ำกว่า 2 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่าหลายพันล้านบาท ดังนั้น ผลผลิตที่ สศก.คาดการไว้ว่าจะมีผลผลิตออกสู่ตลาดในฤดูการผลิตหน้าที่ 29.8 ล้านตัน จะต้องมีการปรับค่าใหม่ ที่สำคัญตอนนี้ยังไม่ทราบว่าเพลี้ยแป้งจะระบาดในพื้นที่อื่นอีกหรือไม่ ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้วางแผนรับสถานการณ์ดังกล่าวอย่างเร่งด่วน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับเกษตรกร
ที่มา : หนังสือพิมพ์แนวหน้า วันที่ 1 พฤษภาคม 2552
http://www.naewna.com/news.asp?ID=159390