เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 52
นายธีระ วงศ์สมุทร รมว.เกษตรและสหกรณ์ เผยว่า จากการคาดการณ์สถานการณ์ผลผลิตลิ้นจี่ในปีนี้จะมากกว่าปีที่แล้วถึง 50% เนื่องจากอากาศร้อนจัด ทำให้ลิ้นจี่มีการสุกเร็วขึ้น และกระจุกตัวออกมามากในช่วงใกล้เคียงกันโดยเฉพาะเดือนพฤษภาคม โดยในปีนี้คาดว่าจะมีปริมาณลิ้นจี่ทั้งสิ้น 81,748 ตัน ซึ่งส่วนหนึ่งจะออกมามากในพื้นที่ 4 จังหวัดภาคเหนือมีปริมาณถึง 69,191 ตัน ได้แก่ เชียงใหม่ 27,922 ตัน เชียงราย 18,252 ตัน พะเยา 14,496 ตัน และน่าน 4,183 ตัน
ดังนั้น เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาราคาผลผลิตตกต่ำ และช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกลิ้นจี่ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จึงได้กำหนดมาตรการในการบริหารจัดการผลผลิตลิ้นจี่ให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด โดยตั้งเป้าหมายผลผลิตลิ้นจี่ส่วนเกินที่เกิดขึ้นประมาณ 19,500 ตัน ใน 3 มาตรการหลักด้วยกัน คือ 1. การเร่งรัดการกระจายผลผลิตภายในประเทศจำนวน 18,500 ตัน โดยจังหวัดเชียงใหม่จะดำเนินการจำนวน 5,000 ตัน จังหวัดพะเยา 6,000 ตัน จังหวัดเชียงราย 5,000 ตัน และจังหวัดน่าน 2,500 ตัน 2. การแปรรูปลิ้นจี่ เป้าหมาย 100 ตัน หรือคิดเป็น 1,000 ตันสด และ 3. การส่งเสริมการตลาดภายในประเทศ โดยจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย และจังหวัดพะเยา ทั้งนี้ จะใช้งบประมาณดำเนินการทั้งสิ้น 43,470,000 บาท แบ่งเป็นเงินจ่ายขาดจำนวน 39,470,000 บาท และเงินทุนหมุนเวียนจำนวน 4,000,000 บาท
นายธีระ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า สำหรับพื้นที่ดำเนินการหลักใน 3 มาตรการดังกล่าวนั้นจะเน้นในจังหวัดแหล่งผลิตที่สำคัญใน 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย พะเยา และน่าน โดยกำหนดระยะเวลาดำเนินการตั้งแต่ 1 พฤษภาคม - 10 มิถุนายน 2552 ซึ่งเป็นช่วงที่ผลผลิตลิ้นจี่ออกมามากและเกิดการกระจุกตัว อย่างไรก็ตาม มาตรการดังกล่าวเป็นการสนับสนุนและช่วยเหลือให้กลไกตลาดดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่เข้าไปแทรกแซงตลาดแต่อย่างใด
ที่มา : หนังสือพิมพ์แนวหน้า วันที่ 6 พฤษภาคม 2552
http://www.naewna.com/news.asp?ID=160119