เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 52
นายชาติชาย พุคยาภรณ์ รมช.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยผลการเดินทางเยือนประเทศญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับการพัฒนาคุณภาพ ความปลอดภัยสินค้าเกษตรที่ผ่านมาตรฐาน GAP GMP และ HACCP ในการผลิตตั้งแต่ระดับฟาร์มไปจนถึงการจำหน่ายและการส่งออก ดังนั้นโอกาสที่ประเทศไทยจะเพิ่มยอดการส่งออกผลผลิตทางการเกษตรและอาหารคุณภาพเยี่ยมไปยังประเทศญี่ปุ่นจึงมีมากขึ้น
นายชาติชาย กล่าวต่อไปว่า ข้อตกลงเปิดเสรีทางการค้ากับญี่ปุ่น หรือ เจเทป้า มีส่วนสำคัญในการสนับสนุนให้ญี่ปุ่นเกิดความตื่นตัวในการนำเข้าสินค้าจากไทยมากขึ้น เห็นได้จากที่ผ่านมาสินค้าอาหารบางรายการที่ญี่ปุ่นยกเลิกภาษีนำเข้าให้แก่ไทยภายใต้ข้อตกลงเจเทป้า มีการนำเข้าเพิ่มมากขึ้นแทบทุกประเภท ขณะที่เรื่องของความร่วมมือต่างๆ เห็นได้ชัดเจนจากการที่ญี่ปุ่นเข้าไปลงทุนในไทยเพิ่มมากขึ้นเช่นเดียวกัน
โดยเฉพาะการลงทุนด้านการแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร เนื่องจากญี่ปุ่นต้องพึ่งพาการนำเข้าสินค้าหมวดนี้จากต่างประเทศทั้งผลผลิตผัก ผลไม้ทั้งแบบสด แช่เย็น อาหารแปรรูป และอาหารแช่แข็ง รวมถึงผู้ค้าญี่ปุ่นเองมีความสนใจทำการผลิตผักในต่างประเทศมากยิ่งขึ้น เพราะไม่สามารถผลิตเองในประเทศได้เพียงพอด้วยข้อจำกัดด้านพื้นที่ จึงถือเป็นการเปิดช่องทางให้ไทยมีโอกาสในการเพิ่มส่วนแบ่งตลาดสินค้าอาหารในญี่ปุ่นได้ถึงร้อยละ 24 จากเดิมที่ปัจจุบันไทยสามารถส่งออกสินค้าอาหารไปญี่ปุ่นเพียงร้อยละ 14.2 เท่านั้น
ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรฯ จะเร่งเดินหน้าในเรื่องดังกล่าว ทั้งการดูแลระบบการผลิต จับมือกับกลุ่มเกษตรกรในการให้ความรู้ สร้างความเข้าใจถึงการผลิตสินค้าคุณภาพ ปลอดสารหรือการก้าวเข้าสู่ระบบเกษตรอินทรีย์ว่า จะช่วยพัฒนาทั้งคุณภาพชีวิตและเพิ่มมูลค่าผลผลิตให้สูงขึ้นได้ในตลาดส่งออก รวมถึงการสร้างแบรนด์ผลผลิตไทยให้เป็นที่ยอมรับในคุณภาพของผู้บริโภคญี่ปุ่นเพื่อรักษาปริมาณการส่งออก รวมทั้งเพิ่มช่องทางเปิดตลาดสินค้าตัวใหม่ อาทิ ส้มโอ กล้วยไข่
ที่มา : หนังสือพิมพ์แนวหน้า วันที่ 20 พฤษภาคม 2552
http://www.naewna.com/news.asp?ID=162154