เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 52
นายชาติชาย พุคยาภรณ์ รมช.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยผลการเจรจาขยายตลาดพืชผลการเกษตรไทยและความร่วมมือการสหกรณ์ระหว่างไทย-ญี่ปุ่นว่า จากการเดินทางไปเจรจากับญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 14-18 พฤษภาคมที่ผ่านมา ทั้ง 2 ฝ่าย มีการกระชับความร่วมมือด้านการเกษตรต่างๆ มากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ได้หารือกับ Mr.Noritoshi Ishida รมช.เกษตรป่าไม้และประมงของญี่ปุ่น เพื่อให้การดำเนินงานเรื่องความปลอดภัยทางอาหารและความมั่นคงทางอาหารระหว่างไทย-ญี่ปุ่น มีความชัดเจนขึ้น โดยจะใช้กลไกความร่วมมือภายใต้กรอบเจเทป้า เป็นตัวขับเคลื่อนให้เกิดความเป็นธรรมในการปฏิบัติตามข้อกำหนดต่างๆ ตั้งแต่ระดับฟาร์มถึงการส่งออก นอกจากนี้ ยังจะผลักดันให้เกิดความเชื่อมโยงระหว่างสหกรณ์ทั้งสองประเทศผ่านกิจกรรมต่างๆ รวมถึงโครงการที่บรรจุอยู่ใน Record of Discussion ที่ได้มีการลงนามระหว่างสันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย กับชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศญี่ปุ่น (JA Zenchu) อีกด้วย
ในส่วนของการเจรจาส่งออกผลไม้ไปยังประเทศญี่ปุ่นนั้น คาดว่า จะขยายตัวได้ถึง 4,000 ตัน เพราะสหกรณ์ผู้บริโภคของญี่ปุ่น อาทิ Pal System เพียงรายเดียวก็มีความต้องการกล้วยหอมทองเพิ่มมากขึ้นจากเดิม 1,000 ตัน เป็น 3,000 ตัน เนื่องจากชื่อเสียงที่ดีเกี่ยวกับผลผลิตของไทย ซึ่งมีความปลอดภัย ไร้สารเคมี และสารพิษตกค้างปนเปื้อน
สำหรับตลาดไม้ดอกไม้ประดับ ญี่ปุ่นมีความต้องการดอกเบญจมาศและไม้ตัดใบจำนวนมาก โดยเกษตรกรญี่ปุ่นได้ขยายพื้นที่ปลูกดอกเบญจมาศมากขึ้น แต่ลดพื้นที่ปลูกไม้ตัดใบหรือไม้ดอกชนิดอื่น จึงเป็นโอกาสอันดีของไทยซึ่งมีศักยภาพในการปลูกและส่งออกไม้ตัดใบให้เพิ่มมากขึ้น เพราะถึงแม้ว่าส่วนแบ่งการตลาดของไม้ตัดใบจะมีเพียงประมาณ 10% แต่ไม่มีแนวโน้มว่าจะลดลง ตรงข้ามกลับเพิ่มมากขึ้นเพราะคนญี่ปุ่นนิยมใช้ตกแต่งในเทศกาลวันสำคัญต่างๆ รวมถึงธุรกิจท่องเที่ยว โรงแรม ก็ต้องการมากขึ้นเช่นเดียวกัน
ส่วนไม้ตัดดอกรวมถึงกล้วยไม้ อาจมียอดส่งออกที่ไม่เพิ่มมากนักเนื่องจากผู้บริโภคมีความคาดหวังถึงสีสันหรือการพัฒนาพันธุ์ใหม่ๆ จากกล้วยไม้ไทยให้หลากหลายมากกว่าเดิม ดังนั้นการผลักดันให้มีการจัดตั้งศูนย์กลางเพื่อดูแลเรื่องดังกล่าว จึงเป็นสิ่งที่ต้องทำให้ชัดเจนเป็นรูปธรรมโดยเร็ว เพื่อแสดงให้ตลาดญี่ปุ่นรวมถึงคู่ค้าอื่นเห็นถึงความตั้งใจและจริงจังในการพัฒนาคุณภาพผลผลิต อันจะช่วยคงยอดการส่งออกในปีนี้ไม่ให้เสียตลาดกับประเทศคู่แข่งรายอื่นและเป็นโอกาสกระตุ้นตลาดให้ขยายตัวในปีต่อๆ ไปอย่างต่อเนื่องอีกด้วย
ที่มา : หนังสือพิมพ์แนวหน้า วันที่ 21 พฤษภาคม 2552
http://www.naewna.com/news.asp?ID=162282