เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 52
นายอนันต์ ภู่สิทธิกุล เลขาธิการสำนักงานการปฏิรูปที่ดิน (ส.ป.ก) เปิดเผยว่า ส.ป.ก.ได้บันทึกข้อตกลงความร่วมมือเพื่อเป็นภาคีกับ บริษัท คีย์แมนวินฟาร์ม จำกัด เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้ภาคเอกชนได้เข้ามาศึกษาศักยภาพพลังงานลมในพื้นที่เขตปฏิรูปที่ดิน เพื่อพัฒนาโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลมทั่วประเทศ โดยในขั้นต้นได้พัฒนาโครงการทุ่งกังหันลมในพื้นที่นำร่อง 3 จังหวัด คือ นครราชสีมา กาฬสินธุ์และร้อยเอ็ด ซึ่งโครงการดังกล่าวถือเป็นการใช้ประโยชน์ของทรัพยากรในเขตปฏิรูปที่ดินได้ตรงตามศักยภาพของพื้นที่ นอกจากนี้ยังเป็นขบวนการผลิตที่ไม่มีการปลดปล่อยมลภาวะทางอากาศและของเสียลงสู่แหล่งน้ำอีกทั้งไม่ส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อม
นายอนันต์ กล่าวอีกว่า จากการศึกษาและตรวจสอบความเป็นไปได้เพื่อพัฒนาพื้นที่ ส.ป.ก. ให้กลายเป็นทุ่งกังหันลมพบว่า พื้นที่ใน 3 จังหวัดดังกล่าวมีศักยภาพผลิตพลังไฟฟ้าได้ 1,436 ล้านหน่วยต่อปี สามารถลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ปีละกว่า 8 แสนตัน หรือลดค่าใช้จ่ายให้ประเทศได้ 400 ล้านบาทต่อปี นับเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจเศรษฐกิจของประเทศระดับหนึ่ง การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลมนี้นอกจากจะได้พลังงานสีเขียวหรือพลังงานที่สะอาดแล้วยังเป็นการช่วยลดภาวะโลกร้อนและปกป้องการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศโลก
สำหรับเสากังหันลม 1 ต้น สามารถผลิตไฟฟ้าได้ 2,000 กิโลวัตต์ จ่ายไฟฟ้าให้ประชาชนได้ประมาณ 1,400 หลังคาเรือนต่อปี คาดว่าแต่ละโครงการจะติดตั้งเสากังหันลมประมาณ 45 ต้น ผลิตไฟฟ้าได้ 90 เมกะวัตต์ ซึ่งหากผ่านขั้นตอนต่างๆของทางราชการได้ คาดว่าจะดำเนินการได้ภายในระยะเวลา 1 ปี และสามารถผลิตไฟฟ้าทั้งหมด 360 เมกะวัตต์ในเขตปฏิรูปที่ดิน ซึ่งการติดตั้งเสากังหันลมดังกล่าวนั้นไม่มีผลกระทบหรือความเสี่ยงต่อเกษตรกรในเขตปฏิรูปที่ดิน แต่คาดว่าจะกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยว เป็นจุดขายที่สามารถสร้างรายได้ให้กับคนในพื้นที่ได้
อย่างไรก็ตามทุ่งกังหันลมในพื้นที่ ส.ป.ก. คาดว่า อนาคตจะพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ทางธรรมชาติ โดยไม่ต้องพึ่งพาพลังงานจากเชื้อเพลิงได้อีกแหล่งหนึ่ง และยังสามารถช่วยยกระดับความเป็นอยู่ของเกษตรกรในพื้นที่ รวมทั้งยังสร้างอาชีพเพื่อก่อให้เกิดรายได้แก่เกษตรกรในพื้นที่ ส.ป.ก.ต่อไป
ที่มา : หนังสือพิมพ์แนวหน้า วันที่ 8 มิถุนายน 2552
http://www.naewna.com/news.asp?ID=164901