เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 52
เกษตรฯวางมาตรการช่วยเหลือลำไยในช่วงพีคกว่า 2.9 แสนตัน ดันอบแห้งทั้งเปลือก 1 แสนตัน พร้อมชงคชก.เปิดทางเพิ่มธนาคารพาณิชย์เข้าร่วมโครงการปล่อยสินเชื่อ ให้สถาบันเกษตรกรกู้ยืมเงินทุนหมุนเวียนสร้างความคล่องตัวในการซื้อขาย โดยออกหน้าชดเชยดอกเบี้ยให้ธนาคารร้อยละ 5 ต่อปี
นายธีระ วงศ์สมุทร รมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ติดตามความก้าวหน้าในการดำเนินการบริหารจัดการลำไย ปี 2552 จากปริมาณลำไยทั่วประเทศมีจำนวน 540,000 ตัน และช่วงที่จะมีผลผลิตลำไยออกมากที่สุด (Peak) คือ ระหว่างวันที่ 1 กรกฎาคม - 20 สิงหาคม จะมีผลผลผลิตประมาณ 293,000 ตัน ในเบื้องต้นกระทรวงเกษตรฯได้ให้ความช่วยเหลือโดยการผลักดันการส่งออกลำไยไป ต่างประเทศจำนวน 30,000 ตัน และการบริโภคลำไยภายในประเทศจำนวน 20,000 ตัน รวมทั้งแปรรูปเป็นลำไยสีเนื้อทองจำนวน 30,000 ตันสดหรือ 3,000 ตันแห้ง และลำไยอบแห้งทั้งเปลือกจำนวน 100,000 ตัน ตลอดจนดำเนินการชดเชยค่าผลต่างอัตราดอกเบี้ยให้แก่ธนาคารในอัตราร้อยละ 5 ต่อปี รวมถึงช่วยเหลือด้านค่าขนส่งในการกระจายผลผลิตออกนอกพื้นที่อีกด้วย
นายธีระ กล่าวเพิ่มเติมว่า เพื่อให้การดำเนินการแปรรูปลำไยอบแห้งทั้งเปลือกให้มีความคล่องตัว และมีการซื้อขายกันเพื่อการส่งออกในช่วงลำไยผลผลิตลำไยออกมากในช่วงนั้น จะทำให้ลำไยคงค้างเหลืออยู่ไม่มาก กระทรวงเกษตรฯได้พิจารณาเพิ่มธนาคารพาณิชย์อื่นๆ เช่น ธนาคารทหารไทย ธนาคารกรุงเทพ และธนาคารกสิกรไทย เข้าร่วมโครงการ เพื่อให้สถาบันเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และผู้เข้าร่วมโครงการ สามารถกู้เงินทุนหมุนเวียนผ่านธนาคารดังกล่าวได้เช่นเดียวกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธกส.) ธนาคารกรุงไทย ทั้งนี้จะนำเสนอคณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.) พิจารณาต่อไป
ที่มา : หนังสือพิมพ์แนวหน้า วันที่ 10 กรกฎาคม 2552
http://www.naewna.com/news.asp?ID=169565