เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 52
พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยในโอกาสเป็นประธานพิธีเปิดการสัมมนาทิศทางการพัฒนาเกษตรอินทรีย์ของไทยสู่ความยั่งยืนว่า ประเทศไทยมีพื้นที่เกษตรอินทรีย์ประมาณ 120,000 ไร่ และยังมีพื้นที่ที่อยู่ในระยะการปรับเปลี่ยนเป็นเกษตรอินทรีย์อีกมาก ขณะที่การผลิตเกษตรอินทรีย์ของโลกยังคงมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยมีกว่า 120 ประเทศทั่วโลกที่มีการผลิตเกษตรอินทรีย์
สำหรับตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์นั้น ประเทศไทยยังคงมีโอกาสในการส่งออก ตามความต้องการในตลาดโลกที่มีอยู่ในระดับสูง ซึ่งคาดว่าภายในปี 2553 จะมีมูลค่าการตลาดทั่วโลกสูงถึง 1 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ ขณะที่มูลค่าตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์ที่บริโภคภายในประเทศและส่งออกของไทยใน ปี 2551 มีประมาณ 3,217 ล้านบาท และคาดว่าในปี 2552 จะมีมูลค่า 3,539 ล้านบาท ซึ่งรัฐบาลเล็งเห็นความสำคัญของเรื่องดังกล่าว จึงเร่งผลักดันการพัฒนาสินค้าเกษตรให้มากขึ้น
นายธีระ วงศ์สมุทร รมว.เกษตรและสหกรณ์ เผยว่า ในปี 2553 คาดว่าจะใช้งบประมาณราว1,400 ล้านบาท ในการดำเนินการพัฒนาเกษตรอินทรีย์ โดยเฉพาะการกำหนดมาตรฐานการผลิตปุ๋ยอินทรีย์ภายใต้ พ.ร.บ.ปุ๋ยแห่งชาติ การสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับสินค้าเกษตรอินทรีย์และการวิจัยพัฒนา เพื่อสร้างองค์ความรู้และต่อให้กับเกษตรกร และยังต้องกำหนดแผนเพื่อรองรับสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในปัจจุบันและแนวโน้มในอนาคต ซึ่งมีผลต่อการผลักดันการพัฒนาเกษตรอินทรีย์ เช่น การพัฒนาสินค้าเกษตรอินทรีย์ให้สอดคล้องกับตลาด การลดผลกระทบจากการกีดกันทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษี
"การปรับปรุงการพัฒนาเกษตรอินทรีย์ทั้งระบบ มีประเด็นสำคัญเพื่อให้เกิดความชัดเจนในการขับเคลื่อนได้แก่ การพัฒนาองค์ความรู้ด้านกระบวนการผลิตทั้งระบบ การพัฒนาการผลิตและการตลาด การพัฒนาระบบมาตรฐาน และการขับเคลื่อนอย่างบูรณาการ เพื่อนำไปพิจารณาทบทวนยุทธศาสตร์และแผนปฏิบัติการพัฒนาเกษตรอินทรีย์แห่งชาติให้มีความเหมาะสม เพื่อนำเสนอต่อคณะกรรมการพัฒนาเกษตรอินทรีย์แห่งชาติ และเสนอต่อคณะรัฐมนตรีต่อไป" นายธีระ กล่าว
ที่มา : หนังสือพิมพ์แนวหน้า วันที่ 17 กรกฎาคม 2552
http://www.naewna.com/news.asp?ID=170515