เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 52
นายชวพฤฒ อินทรเทศ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรเขต 7 (สศข.7) จ.ชัยนาท เปิดเผยว่า ตลาดกลางพืชผลการเกษตร เกิดขึ้นจากการรัฐบาลมีนโยบายให้การสนับสนุนการจัดตั้งตลาดกลางพืชผลการ เกษตรโดยเฉพาะตลาดกลางข้าวหรือท่าข้าว มาแล้วประมาณ 20 ปี เพื่อเป็นสถานที่อำนวยความสะดวกให้กับผู้ซื้อและผู้ขายจำนวนมาก ที่จะได้มีการแข่งขันต่อรองราคากันอย่างเสรี โดยผู้ซื้อไม่ต้องตระเวนไปหาซื้อข้าวตามแหล่งผลิตและเสียค่าใช้จ่ายสูง ขณะที่ผู้ขายเองก็สามารถขายได้ราคาสูงจากการแข่งขันการประมูลของพ่อค้า
แต่จากการตรวจสอบข้อมูลในปัจจุบันกลับพบว่า ตลาดกลางข้าว มีการเลิกกิจการกันไปเป็นจำนวนมาก ซึ่งจากการติดตามข้อมูล พบว่า สาเหตุหลักสืบเนื่องมาจาก นโยบายรับจำนำข้าวที่ตลาดกลางไม่สามารถออกใบประทวนและแปรรูปข้าวได้ ขณะที่โรงสีทำได้ โดยเฉพาะช่วงที่ราคารับจำนำสูงกว่าราคาตลาดมาก ทำให้เกษตรกรที่จะจำนำต้องขายข้าวผ่านโรงสี ก็จะถูกโรงสีเอารัดเอาเปรียบ อีกทั้งโรงสีมีการแข่งขันรับซื้อข้าวด้วยการมี "ค่าเหยียบเบรก" ให้กับรถบรรทุกเมื่อขนข้าวของเกษตรกรเข้าโรงสีโครงการรับจำนำข้าว จึงทำให้การแข่งขันด้านราคาของโรงสีหายไป ดังนั้นจึงต้องชักจูงด้วยการให้ค่าตอบแทนพิเศษกับรถบรรทุกที่นำข้าวเข้าโรงสีตันละ 100 บาท และบางโรงเพิ่มราคารับซื้อพิเศษให้กับเกษตรกรตันละ 100-200 บาท จากราคารับจำนำ ซึ่งค่าใช้จ่ายต่างๆที่เกิดขึ้นเมื่อเทียบกับค่าจ้างสีที่รัฐบาลจ่ายตันละ 400-500 บาทแล้วโรงสีจะขาดทุน ดังนั้น โรงสีจึงหาทางออกด้วยการโกงน้ำหนัก ถ้าเกษตรกรไม่สนใจตรวจสอบก็จะถูกพ่อค้าเอารัดเอาเปรียบโกงน้ำหนักจากการชั่งข้าวได้ง่าย
นอกจากนี้ ความล้มเหลวในการบริหารจัดการ เนื่องจากเมื่อมีตลาดกลางเกิดขึ้นมาก การแข่งขันก็ยิ่งรุนแรง ตลาดกลางบางแห่งให้เครดิตการนำข้าวออกจากตลาดกลางไปก่อน โดยยังชำระค่าข้าวไม่หมดและเมื่อถูกโกง จึงเกิดหนี้สินเป็นจำนวนมากจนต้องเลิกกิจการในที่สุด ซึ่งแนวทางการแก้ไขในเรื่องดังกล่าวเพื่อไม่ให้เกษตรกรถูกเอารัดเอาเปรียบนั้น หลายฝ่ายควรต้องร่วมมือกัน ในการส่งเสริมและสนับสนุนให้มีตลาดกลางข้าวดำเนินกิจการต่อไป ด้วยการพัฒนาให้ตลาดกลางเป็นตัวเชื่อมระหว่างเกษตรกรกับโรงสี โดยการให้ตลาดกลางข้าวเป็นแหล่งรวบรวมข้าวจากเกษตรกรแล้วส่งมอบให้โรงสีที่เสนอราคาดีที่สุด ซึ่งจะทำให้ช่วยแก้ปัญหาการเอารัดเอาเปรียบเรื่องราคาและการคำนวณน้ำหนักผลผลิตได้ดี
ที่มา : หนังสือพิมพ์แนวหน้า วันที่ 21 กรกฎาคม 2552
http://www.naewna.com/news.asp?ID=171075