เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 52
นายธวัชชัย สำโรงวัฒนา รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เผยว่า คณะอนุกรรมการบริหารจัดการลำไยมีมติให้ขยายระยะเวลาดำเนินโครงการจากวันที่ 1 กรกฎาคม- 20 สิงหาคม เป็นวันที่ 1 กรกฎาคม-30 สิงหาคม นอกจากนี้ยังเห็นชอบมาตรการสนับสนุนการซื้อลำไยสดเพื่อกระจายผลผลิตภายในประเทศ โดยสนับสนุนเงินทุนหมุนเวียนจาก คชก. วงเงิน 120 ล้านบาท ซึ่งเดิมกำหนดให้สถาบันเกษตรกรและวิสาหกิจชุมชนกู้ยืม เพื่อรับซื้อลำไยสดจากเกษตรกรเพื่อกระจายผลผลิตภายในประเทศนั้น ที่ประชุมเห็นควรให้ อบต. และเทศบาลในพื้นที่แหล่งผลิตเข้าร่วมในโครงการดังกล่าว โดยให้กู้เงินองค์กรละไม่เกิน 2 ล้านบาท เพื่อช่วยกระจายลำไยไปยังพื้นที่ อบต. หรือ เทศบาลนอกแหล่งผลิตทั่วประเทศ
สำหรับมาตรการแปรรูปลำไยอบแห้งทั้งเปลือก โดยการสนับสนุนเงินจ่ายขาดวงเงิน 50 ล้านบาท เพื่อชดเชยผลต่างอัตราดอกเบี้ยให้แก่ธนาคารในอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 5 ต่อปี ระยะเวลา 1 ปี ให้แก่สถาบันเกษตรกร สหกรณ์ กลุ่มเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และภาคเอกชนที่กู้ยืมผ่าน ธกส. ธนาคารกรุงไทย และSME-Bank นั้น ที่ประชุมพิจารณาแล้วเห็นควรให้เพิ่มแหล่งเงินกู้เป็นธนาคารพาณิชย์อื่นๆ นอกเหนือจาก 3 แหล่งที่กำหนดไว้เดิม โดยกำหนดวงเงินกู้รวมไม่เกิน 1,000 ล้านบาท เพื่อให้สถาบันเกษตรกรและวิสาหกิจชุมชน สามารถดำเนินการกู้เงินเพื่อใช้เป็นทุนหมุนเวียนในการดำเนินการอบแห้งลำไย ทั้งเปลือกได้โดยเร็วและไม่ต้องขออนุมัติวงเงินใหม่
ส่วนมาตรการผลักดันการส่งออกลำไยสดไปต่างประเทศ ซึ่งได้ของบสนับสนุนเงินเพื่อชดเชยค่าขนส่งกิโลกรัมละ 2.50 บาท แก่สถาบันเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และผู้เข้าร่วมโครงการผลักดันการส่งออกลำไยสด 30,000 ตัน แต่ขณะนี้มีปริมาณการส่งออกแล้วประมาณ 20,000 ตัน และคาดว่าจะมีปริมาณการส่งออกรวม 50,000 ตัน จึงเห็นควรขยายการช่วยเหลือในมาตรการดังกล่าวออกไปอีก 20,000 ตัน ทั้งนี้จะนำข้อสรุปทั้งหมดเสนอต่อคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้เพื่อ ให้พิจารณานำเสนอที่ประชุม คชก. ต่อไป
ที่มา : หนังสือพิมพ์แนวหน้า วันที่ 24 กรกฎาคม 2552
http://www.naewna.com/news.asp?ID=171457