พลับพลึงธาร พรรณไม้น้ำไทยแห่งเดียวในโลก
เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 52
พลับพลึงธาร พรรณไม้น้ำไทยแห่งเดียวในโลก
ถ้าหากเอ่ยถึงพืชพรรณไม้น้ำ คนทั่วไปอาจจะนึกไม่ออกว่ามีพืชอะไรบ้าง แทบจะยกตัวอย่างกันไม่ถูก เพราะคนที่รู้จักหรือศึกษาเกี่ยวกับเรื่องพรรณไม้น้ำจะอยู่ในวงจำกัด ซึ่งสวนทางกับความต้องการของตลาดส่งออกพรรณไม้น้ำไทยที่มีแนวโน้มสูงขึ้น อย่างต่อเนื่อง
และด้วยเหตุนี้เอง พรรณไม้น้ำส่วนใหญ่ที่ขายอยู่ตามตลาดปลาสวยงามหรือที่มีการส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศก็ดี จึงมาจากการเก็บจากธรรมชาติแทบทั้งสิ้น และมีการเก็บมากจนเกินสมดุลที่ธรรมชาติจะผลิต ประกอบกับการพัฒนาแหล่งน้ำโดยการขุดลอกคลอง การเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์จากที่ดินทำให้เกิดการชะล้างและพังทลาย จึงเป็นเหตุให้มีพืชหลายชนิดพรรณอยู่ในขั้นวิกฤติใกล้สูญพันธุ์
หอมน้ำ ก็เป็นพรรณไม้น้ำอีกชนิดหนึ่งที่ใกล้สูญพันธุ์จากโลกเต็มที เนื่องจากหอมน้ำ ถือเป็นพืชถิ่นเดียว คือ พบที่ประเทศไทยเพียงแห่งเดียว อีกทั้งยังพบเพียงที่ภาคใต้ตอนบนในเขตอำเภอสุขสำราญ ของจังหวัดระนอง และในเขตอำเภอคุระบุรี อำเภอตะกั่วป่า และอำเภอกะปง ของจังหวัดพังงา เท่านั้น จึงเป็นเรื่องที่น่าหวั่นวิตกอย่างยิ่งว่าในอนาคตอาจจะไม่มีใครได้พบเห็นหอมน้ำอีกก็เป็นได้
ข้อมูลจากสถาบันวิจัยสัตว์น้ำสวยงามและพรรณไม้น้ำ กรมประมง ด้านชีววิทยาของพรรณไม้น้ำชนิดนี้ ได้อธิบายไว้ว่า หอมน้ำ หรือ พลับพลึงธาร จัดเป็นพืชมีดอกในวงศ์พลับพลึง เป็นพรรณไม้น้ำประเภทครึ่งบกครึ่งน้ำ เจริญเติบโตในลำธารและคลองสายสั้น ๆ ที่มีสภาพน้ำใส และเป็นแหล่งน้ำไหล มีการระบายน้ำดี
ลักษณะเด่นของหอมน้ำคือ รากเป็นระบบรากฝอย ลำต้นอยู่ใต้ดินมีใบเกล็ดทำหน้าที่ห่อหุ้มป้องกันตาและใบอ่อนซ้อนกันจนมีลักษณะเป็นหัว ใบเดี่ยวของต้นหอมน้ำมีลักษณะเป็นแถบยาว ช่อดอกมีลักษณะเป็นซี่ร่ม มีจำนวนดอกย่อย 4-14 ดอก ดอกเป็นชนิดดอกสมบูรณ์เพศ ที่มีกลีบเลี้ยง กลีบดอก เกสรตัวผู้และเกสรตัวเมียครบทุกส่วนในดอกเดียวกัน เกิดดอกจำนวนมากใน ระหว่างเดือนพฤศจิกายนถึงพฤษภาคม โดยความพิเศษของดอกหอมน้ำ คือ จะมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ส่วนผลมีสีแดง จัดเป็นประเภทที่มีหลายเมล็ด เมล็ดมีสีเขียว ผิวไม่เรียบ ลักษณะบิดเบี้ยวและเป็นเหลี่ยม
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันประสบความสำเร็จในการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อหอมน้ำ โดยวิธีการผ่าแบ่งหัวซึ่งเป็นวิธีที่เหมาะสมเพื่อผลิตหัวย่อยหอมน้ำ ทั้งนี้ หากเกษตรกรรายใดสนใจที่จะเพาะเลี้ยงหอมน้ำ เพื่อใช้ประโยชน์ในการปลูกในแหล่งน้ำของตนเอง หรือเพื่อการจำหน่ายสามารถติดต่อสอบถามได้ที่สถาบันวิจัยสัตว์น้ำสวยงามและพรรณไม้น้ำ กรมประมง โทร. 0-2558-0180 ในวันเวลาราชการ.
ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 13 สิงหาคม 2552
http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=344&contentID=13763
ข่าวที่เกี่ยวข้อง ทางเลือก-ทางรอดเกษตรกรรมไทยในปี 2553
มันสำปะหลังทุบสถิติส่งท้ายปี สูงเกินราคาประกันรัฐบาล คาดปีหน้ายังพุ่งขึ้นต่อเนื่อง
เตือนภัย เพลี้ยแป้งระบาดในมันสำปะหลัง
อียูลดค่าสีผสมอาหาร 3 ชนิด
สศก.เปิดเผยศึกษาลำไยนอกฤดู ยันเกษตรกรได้รับผลคุ้มค่า แนะตั้งกลุ่มส่งเสริมจริงจัง
โอกาสของเกษตรกรรายย่อยในการรับรองฟาร์มแบบกลุ่ม
มะนาวพันธุ์ 'แป้นดกพิเศษ' ดกกว่าพันธุ์แป้นรำไพ 2-3 เท่า