เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 52
นายเอ็นนู ซื่อสุวรรณ รักษาการผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ในวันที่ 17สิงหาคม ธ.ก.ส.จะเสนอแผนการปล่อยสินเชื่อของ ธ.ก.ส. เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการตามนโยบายของรัฐ จำนวน 1.47 แสนล้านบาท ต่อที่ประชุมที่มีนายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เป็นผู้รับผิดชอบ โดยสินเชื่อที่ตั้งไว้จำนวนนี้ จะปล่อยให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องในโครงการรับประกันสินค้าเกษตรทั้ง โรงสี ลานมันสำปะหลัง ผู้ประกอบการอื่นที่เกี่ยวข้องและสหกรณ์การเกษตรที่อาจมารับซื้อผลผลิตเพื่อช่วยสมาชิก รวมไปถึงวิสาหกิจชุมชนต่างๆ ที่เข้ามาแปรรูปสินค้าในโครงการก่อนจำหน่าย อาทิ กรณีการรับประกันข้าวซึ่งรัฐบาลจะจ่ายให้กับเกษตรกรเฉพาะส่วนต่างราคาตลาด กับราคาประกัน แต่ในการซื้อขายสินค้าจริงๆ ผู้ซื้อคือโรงสีอาจไม่มีเงินเข้าไปซื้อข้าวจากเกษตรกร เพราะที่ผ่านมาเคยได้เงินจากรัฐในการรับฝากหรือแปรสภาพข้าว แต่ในครั้งนี้โรงสีต้องมีเงินของตัวเองเพื่อเข้าไปซื้อข้าวจึงอาจต้องใช้สินเชื่อเพิ่มขึ้น
"ธ.ก.ส.จะปรับปรุงเงื่อนไขการปล่อยสินเชื่อเพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น เช่น การให้นำสินค้ามาเป็นหลักประกัน อย่างกรณีของข้าว ธ.ก.ส.จะปล่อยสินเชื่อให้ประมาณ 50% ของมูลค่าสินค้า แต่หากจะปล่อยมากขึ้น เช่น 70% หรือ 90% รัฐบาลอาจต้องเข้ามาชดเชยให้กับ ธ.ก.ส.ด้วยการแยกบัญชีว่าเป็นบัญชีเพื่อสังคม (พีเอสเอ) เป็นต้น รวมทั้ง ธ.ก.ส.จะอนุโลมให้ลูกค้าที่เคยเป็นเอ็นพีแอล (หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้) สามารถขอสินเชื่อในส่วนนี้ได้ หากนำไปใช้ในโครงการใหม่ของรัฐบาล โดยก่อนหน้านี้ ธ.ก.ส.ได้ดำเนินการโครงการนำร่องมาแล้ว และพบว่าประสบความสำเร็จค่อนข้างสูง" นายเอ็นนูกล่าว
นายเอ็นนูกล่าวว่า สำหรับแผนงานช่วยเหลือเกษตรกรด้านอื่นๆ ขณะนี้ ธ.ก.ส.ได้ร่วมมือกับหลายหน่วยงานที่จะสนับสนุนการปล่อยสินเชื่อให้กับลูกค้า เกษตรกรที่ปลูกพืชที่เป็นพลังงานทดแทน อาทิ มันสำปะหลัง อ้อย และปาล์มน้ำมัน อีกปีละ 30,000 ล้านบาท นอกจากนี้ได้ปล่อยสินเชื่อให้กับเกษตรกรที่ดำเนินการเกี่ยวกับอาหารปลอดภัย อีกปีละ 5,000 ล้านบาทด้วย
ที่มา : หนังสือพิมพ์มติชน วันที่ 13 สิงหาคม 2552
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1250172626&grpid=no&catid=05