เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 52
นายฉลอง เทพวิทักษ์กิจ รองอธิบดีกรมพัฒนาที่ดิน เปิดเผยว่า กรมพัฒนาที่ดินเตรียมเปิดตัวโรงผลิตปุ๋ยและฮอร์โมนในดิน หรือ ปุ๋ยชีวภาพ พด.12 ในต้นปีงบประมาณ 2553 เพื่อเพิ่มผลผลิตทางการเกษตรให้กับเกษตรกร เนื่องจากเป็นกลุ่มจุลินทรีย์ที่สามารถสร้างธาตุอาหารหรือช่วยให้ธาตุอาหาร เป็นประโยชน์กับพืช เพิ่มความอุดมสมบูรณ์ให้กับดิน และสร้างฮอร์โมนส่งเสริมการเจริญเติบโตของพืช ซึ่งประกอบด้วยจุลินทรีย์ 4 ประเภท ได้แก่ 1.จุลินทรีย์ที่สามารถตรึงไนโตรเจนจากอากาศและเปลี่ยนให้เป็นรูปแอมโมเนียมที่เป็นประโยชน์ต่อพืช 2.จุลินทรีย์ที่เพิ่มการละลายของหินฟอสเฟต และช่วยปลดปล่อยฟอสฟอรัสที่ถูกตรึงไว้ในดินให้พืชสามารถดูดมาใช้ประโยชน์ได้ 3.จุลินทรีย์ที่ช่วยละลายและปลดปล่อยพแทสเซียมที่ถูกตรึงไว้ให้มาใช้ประโยชน์ได้ 4.ฮอร์โมนพืช ที่ช่วยกระตุ้นการเจริญงอกของเมล็ด ส่งเสริมการเจริญของรากพืช ทำให้พืชสามารถดูดน้ำและธาตุอาหารเพิ่มมากขึ้น
จากการทดลองใช้ปุ๋ยชีวภาพ พด.12 ร่วมกับปุ๋ยเคมี ในข้าว มันสำปะหลัง ข้าวโพดหวาน และผักกะหล่ำปลี มาเป็นเวลากว่า 2 ปี ปรากฏว่านอกจากจะลดการใช้ปุ๋ยเคมีได้ไม่ต่ำกว่า 50% แล้ว ที่สำคัญยังสามารถเพิ่มผลผลิตทางการเกษตรได้ 5-15%
โดยข้าวหอมมะลิ ลดต้นทุนการใช้ปุ๋ยเคมีได้ 369 บาท/ไร่ ขณะที่ผลผลิตเพิ่มขึ้น 3% ส่วนข้าว กข. ลดปุ๋ยเคมีได้ 369 บาท/ไร่ ผลผลิตเพิ่มขึ้น 8% สำหรับมันสำปะหลัง สามารถลดต้นทุนค่าปุ๋ยเคมีลงได้ 222 บาท/ไร่ ผลผลิตเพิ่มขึ้น 15% รวมทั้งเปอร์เซ็นต์แป้งเพิ่มขึ้น 1.6% หรือเพิ่มจาก 30.6 เป็น 32.2% ส่วนข้าวโพดหวานนั้นลดต้นทุนค่าปุ๋ยเคมีลงได้ระหว่าง 179-394 บาท/ไร่ เพิ่มผลผลิตได้ประมาณ 4-7% ขณะที่ผักกะหล่ำปลี สามารถลดต้นทุนได้ 179-394 บาท/ไร่ แต่ได้ผลผลิตเพิ่มขึ้นถึง 15%
" ที่ผ่านมาการผลิตปุ๋ยเคมีจะผลิตในโรงผลิตปุ๋ยบนดิน ใช้งบประมาณหลายล้านบาทต่อหนึ่งโรง โดยนำวัตถุดิบมาผลิตแล้วจึงใส่กลับลงไปในดิน แต่วิธีนี้เป็นการสร้างโรงผลิตปุ๋ยในดิน คือเราใช้จุลินทรีย์ใส่ลงไปในดินทำหน้าที่ผลิตปุ๋ยและปลดปล่อยและละลายธาตุ อาหารที่ถูกตรึงไว้ในดิน แล้วพืชก็จะทำหน้าที่ดูดไปใช้งานเอง เป็นการประหยัดงบประมาณ และช่วยลดขั้นตอนให้กับเกษตรกรด้วย" นายฉลอง กล่าว
ที่มา : หนังสือพิมพ์แนวหน้า วันที่ 28 สิงหาคม 2552
http://www.naewna.com/news.asp?ID=176285