ยางพารา พืชเศรษฐกิจ โอกาสอยู่แค่เอื้อม
เมื่อวันที่ 8 กันยายน 52
ยางพารา พืชเศรษฐกิจ โอกาสอยู่แค่เอื้อม
ความต้องการใช้ยางเทียมในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ดูจะมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น ทั้งจากอุตสาหกรรมยานยนต์และอุตสาหกรรมแปรรูปต่าง ๆ เมื่อเศรษฐกิจของประเทศต่าง ๆ ดีขึ้น โดยเฉพาะสาธารณรัฐประชาชนจีน อินเดีย รัสเซีย สหภาพยุโรป และสหรัฐอเมริกา ฉะนั้น ราคายางพาราไทยก็มีโอกาสที่จะสูงขึ้นตามราคาน้ำมัน ที่คาดกันว่าจะขึ้นเป็นประมาณ 70-80 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ในปลายปี 2552 ซึ่งจะมีความต้องการเพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมรถยนต์
นับเป็นทิศทางที่ส่งผลดีต่อเกษตรกรไทยที่ปลูก
ยางพารา แม้ว่าในเวลานี้ สถานการณ์ราคายางพาราจะยังไม่มีความแน่นอน แต่ราคาก็ยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น ที่สำคัญ ประเทศไทยยังเป็นประเทศผู้ส่งออกยางพารารายใหญ่อันดับ 1 ของโลก จากแนวโน้มดังกล่าวทำให้มองเห็นถึงโอกาสด้านการผลิตของไทยเพื่อตอบสนองความต้องการใช้ยางพาราในตลาดโลก
หากเปรียบเทียบผลผลิตกับปริมาณความต้องการใช้ในตลาดโลก นับว่าประเทศไทยยังมีโอกาสอีกมาก ซึ่ง รศ.สมพร อิศวิลานนท์ อาจารย์ภาควิชาเศรษฐศาสตร์เกษตรและทรัพยากร คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บอกว่า ประเทศไทยควรมีการวางแผนทั้งด้านการผลิตและการตลาด เพื่อผลักดันการสร้างโอกาสให้กับประเทศตั้งแต่ ในส่วนของ “ต้นน้ำ” ด้วยการขยายฐานการผลิตในภาคเหนือและอีสาน รวมทั้งสนับสนุนเทคโนโลยีการเพาะปลูก เพื่อเน้นประสิทธิภาพการผลิต นั่นคือ ทำให้มีผลผลิตต่อไร่สูงขึ้น ซึ่งจะหมายถึงการมีต้นทุนต่อไร่ที่ลดลง
อย่างไรก็ดี ในส่วน “กลางน้ำ” และ ไป “ปลายน้ำ” ก็จำเป็นต้องมีการพัฒนาเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพ เพื่อการแปรรูปเป็นวัตถุดิบเบื้องต้นสำหรับนำไปทำเป็นผลิตภัณฑ์ เนื่องจากว่า โรงงานอุตสาหกรรมที่มีอยู่ แม้จะมีเครื่องจักร แต่ก็ยังขาดประสิทธิภาพ ที่สำคัญ ไม่ค่อยพัฒนาเทคโนโลยีการแปรรูป ทำให้ผลผลิตยางดิบของไทยยังต้องพึ่งพาตลาดสิงคโปร์และมาเลเซีย เพื่อระบายผลผลิต
สุดท้าย คือ การพัฒนา “ตลาดกลาง และ ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า” ซึ่งเป็นตัวเชื่อมโยงสู่ตลาดโลก โดยจะต้องมีการพัฒนาระบบทั้งสองนี้อย่างจริงจัง เพื่อให้เป็นกลไกสำคัญที่ทำให้ราคาไม่ผันผวน พร้อมกับยกระดับสู่การเป็นศูนย์กลางตลาดโลก
สำหรับการสำรวจโครงการยางล้านไร่ ที่มีการดำเนินการปี 2547-2549 พบว่า การปลูกยางในภาคเหนือและอีสานมีต้นทุนใกล้เคียงกับการปลูกในภาคใต้ ซึ่งหากสามารถรักษาระดับราคายาง ให้อยู่ที่กิโลกรัมละ 50-60 บาทอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ก็จะส่ง ผลให้เกษตรกรสามารถอยู่ได้ เพราะเมื่อเทียบกับอาชีพเดิมของเกษตรกร ถือว่า มีความคุ้มค่ากว่ากันมาก เช่น การปลูกข้าวเกษตรกรจะมีรายได้ต่อ 1 ฤดูกาลเพาะปลูก แต่การปลูกยางเกษตรกรจะมีรายได้จากการกรีดยางเป็นรายสัปดาห์ ตลอดเกือบทั้งปี
ในพื้นที่ จ.ยโสธร หนึ่งในพื้นที่ที่มีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการยางล้านไร่ มีพื้นที่ปลูกรวม 12,134 ไร่ ใน 7 อำเภอได้แก่ อ.กุดชุม อ.ทรายมูล อ.ไทยเจริญ อ.ป่าติ้ว อ.เมือง อ.เลิงนกทา และ อ.คำเขื่อนแก้ว ได้ประเมินผลความคืบหน้าของโครงการ โดย นายสมคิด พัฒนไทยานนท์ ผู้อำนวยการสำนักงานสงเคราะห์การทำสวนยาง (สกย.) จ.ยโสธร เล่าให้ฟังว่า ต้นยางร้อยละ 90 มีการเจริญเติบโตดีได้มาตรฐาน มีเพียงร้อยละ 5-10 ที่โตไม่สม่ำเสมอนั้นถือเป็นเรื่องปกติที่เกษตรกรยอมรับได้
“หลายฝ่ายเคยตั้งข้อสงสัยว่าดินของภาคตะวันออกเฉียงเหนือเหมาะที่จะปลูกยางหรือไม่ เพราะเป็นดินร่วนปนทราย และส่วนใหญ่จะมีปัญหาการขาดความอุดมสมบูรณ์ค่อนข้างมาก แต่การเติบโตที่ได้มาตรฐานของต้นยางกว่าร้อย ละ 90 ในโครงการยางล้านไร่น่าจะเป็นสิ่งยืนยันได้ว่าภาคตะวันออกเฉียงเหนือสามารถปลูกยางได้ นอกจากนี้ เมื่อถึงระยะเปิดกรีดภาคตะวันออกเฉียงเหนือยังมีความได้เปรียบเรื่องสภาพอากาศที่ไม่มีปัญหาฝนตกชุกเหมือนภาคใต้ ทำให้มีจำนวนวันกรีดมากกว่า 120-150 วันต่อปี อีกทั้งยังใช้แรงงานในครัวเรือนเป็นหลักจึงทำให้มีต้นทุนที่ต่ำกว่าเกษตรกรผู้ปลูกทางภาคใต้ด้วย” นายสมคิดกล่าว
ภาครัฐจึงควรให้ความสำคัญกับการลงทุนอุตสาหกรรมยางอย่างจริงจัง ไม่เช่นนั้น ประเทศไทยคงขายได้แต่เพียงยางแท่งและยางแผ่น ซึ่งแน่นอนว่า ต้องสูญเสียส่วนต่างมูลค่าเพิ่มไปอย่างน่าเสียดาย พร้อมกันนี้ ก็ควรทบทวนการสนับสนุนการใช้ยางพาราภายในประเทศอย่างเป็นรูปธรรมด้วย เช่น การใช้ยางพาราผสมยางมะตอยทำถนน การทำฝายยาง การใช้ยางรองคอสะพานกันแผ่นดินไหว
ที่สำคัญ...เกษตรกรชาวสวนยาง ก็จะมีอาชีพที่มั่นคงและยั่งยืน.
ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 8 กันยายน 2552
http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=339&contentID=18878
ข่าวที่เกี่ยวข้อง ทางเลือก-ทางรอดเกษตรกรรมไทยในปี 2553
มันสำปะหลังทุบสถิติส่งท้ายปี สูงเกินราคาประกันรัฐบาล คาดปีหน้ายังพุ่งขึ้นต่อเนื่อง
เตือนภัย เพลี้ยแป้งระบาดในมันสำปะหลัง
อียูลดค่าสีผสมอาหาร 3 ชนิด
สศก.เปิดเผยศึกษาลำไยนอกฤดู ยันเกษตรกรได้รับผลคุ้มค่า แนะตั้งกลุ่มส่งเสริมจริงจัง
โอกาสของเกษตรกรรายย่อยในการรับรองฟาร์มแบบกลุ่ม
มะนาวพันธุ์ 'แป้นดกพิเศษ' ดกกว่าพันธุ์แป้นรำไพ 2-3 เท่า