เมื่อวันที่ 9 กันยายน 52
เลขาฯ สศช.รายงานผลขึ้นทะเบียนเกษตรกรโครงการประกันราคาข้าวพบปัญหาเพียบ หน่วยงานรัฐขาดแนวทางชัดเจน ฉุดงานล่าช้า ขณะที่ชาวนายังสับสนกับโครงการรับจำนำ วิตกเกษตรกรแจ้งพื้นที่เกินจริงเสนอใช้ภาพถ่ายดาวเทียมช่วยป้องกัน ครม.ลั่นดำเนินการให้แล้วเสร็จใน 15 ก.ย.
นายวัชระ กรรณิการ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 8 กันยายน ว่านายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานการดำเนินงานโครงการประกันราคาพืชผลทางการเกษตร ได้รายงานความคืบหน้าโครงการให้ที่ประชุมรับทราบการลงพื้นที่ติดตามการขึ้นทะเบียนเกษตรและทะเบียนการปลูกพืชเศรษฐกิจ รวมทั้งการทำประชาคม พบว่ากระบวนการทำงานของหน่วยงานราชการมีความล่าช้าและไม่มีแนวทางที่ชัดเจน และด้วยระยะเวลาที่จำกัด อาจส่งผลต่อความถูกต้องของข้อมูล
นอกจากนี้ เกษตรกรส่วนใหญ่ยังเข้าใจว่า การประกันจะต้องส่งมอบผลผลิตเช่นเดียวกับโครงการรับจำนำ และยังสับสนระหว่างการใช้ราคาอ้างอิงกับราคาที่ซื้อขายในตลาดที่จะนำไปคิดค่าชดเชยส่วนต่างจากราคาประกัน อย่างไรก็ตาม ที่ประชุม ครม.ได้เร่งรัดให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ขึ้นทะเบียนเกษตรกรให้เสร็จก่อนวัน ที่ 15 กันยายนนี้ เพื่อเร่งทำสัญญาประกันราคาสินค้าเกษตรกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)
นายวัชระกล่าวว่า สำหรับแนวทางการแก้ไขปัญหา คณะกรรมการเห็นว่า ควรมอบหมายให้กระทรวงเกษตรฯเร่งรัดเสนอคณะกรรมการนโยบายสินค้าเกษตร เพื่อให้ความเห็นชอบเกี่ยวกับการกำหนดแนวทางการรับรองเอกสารสิทธิในที่ดินทำกินของเกษตรกร และเกณฑ์ผลผลิตเฉลี่ยระดับจังหวัด และแจ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับทราบภายในวันที่ 11 กันยายน 2552 ส่วนคณะกรรมการเพื่อการแก้ไขปัญหาเกษตรกรอันเนื่องมาจากผลผลิตการเกษตรระดับจังหวัด ที่อยู่ในความดูแลของกระทรวงมหาดไทย ควรมีการแต่งตั้งคณะทำงานระดับอำเภอและตำบลเข้ามาช่วยขับเคลื่อนการดำเนินงาน ขณะเดียวกัน ธ.ก.ส.ต้องเร่งประชาสัมพันธ์แนวทางการดำเนินงานโครงการให้เกษตรกรรับทราบอย่างชัดเจน
นอกจากนี้ ยังเห็นสมควรมอบหมายให้กระทรวงเกษตรฯและ ธ.ก.ส. ใช้ข้อมูลภาพถ่ายดาวเทียมตรวจสอบพื้นที่ระดับตำบล เพราะคาดว่าอาจมีการรายงานจำนวนพื้นที่ในทะเบียนมากกว่าพื้นที่จริง และแจ้งให้คณะกรรมการระดับจังหวัด ตรวจสอบความถูกต้องอีกครั้ง
นาย วัชระกล่าวว่า ที่ประชุมยังเห็นชอบตามข้อเสนอกระทรวงพาณิชย์ ให้เพิ่มโควต้าการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรังแก่จังหวัดพิจิตร อีก 101,580 ตัน และจังหวัดสุโขทัย 34,111 ตัน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกร หลังจากปริมาณผลผลิตข้าวในเดือนกันยายนออกมามากเกินกว่าโควต้าเดิม และเป็นการดำเนินการตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 1 กันยายน ให้ขยายระยะเวลาโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง ปี 2552 ออกไปจนถึงวันที่ 30 กันยายน 2552
นายวัชระกล่าวว่า อย่างไรก็ตาม การเพิ่มโควต้าการรับจำนำดังกล่าว ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ว่าจะต้องเป็นเกษตรกรที่ได้ขึ้นทะเบียนและได้รับ หนังสือรับรองผู้ปลูกข้าวนาปรัง ปี 2552 กับกรมส่งเสริมการเกษตร ภายในวันที่ 31 กรกฎาคม 2552 และต้องไม่เคยใช้สิทธิในการเข้าร่วมโครงการมาก่อน นอกจากนี้ ปริมาณข้าวเปลือกที่รับจำนำเพิ่มจะต้องไม่เกินเป้าหมายที่กำหนดไว้ 6 ล้านตันข้าวเปลือก
ที่มา : หนังสือพิมพ์มติชน วันที่ 9 กันยายน 2552
http://www.matichon.co.th/matichon/view_news.php?newsid=01eco01090952§ionid=0103&day=2009-09-09