เมื่อวันที่ 15 กันยายน 52
นายธีระ วงศ์สมุทร รมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานพิธีเปิดการสัมมนาเรื่อง "การจัดทำยุทธศาสตร์การเกษตรต่างประเทศ" ว่า ปัจจุบันมักจะเห็นว่าประเทศต่างๆ พยายามปกป้องผู้ผลิตในประเทศ โดยนำเอามาตรการและกฎระเบียบที่ไม่ใช่ภาษีมาใช้ในการกีดกันทางการค้าอย่างเข้มงวด และมีการพัฒนารูปแบบการกีดกันที่หลากหลายมากขึ้น เช่น มาตรการด้านสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช การใช้ข้ออ้างด้านสิ่งแวดล้อม เรื่องสุขภาพคนและสัตว์ รวมทั้งมาตรการด้านสังคม
ดังนั้น กระทรวงเกษตรฯจึงต้องกำหนดยุทธศาสตร์ด้านการเกษตรต่างประเทศในเชิงรุก ทั้งการพัฒนาเทคโนโลยีตั้งแต่การผลิตในฟาร์ม การจัดการหลังเก็บเกี่ยว การบรรจุหีบห่อ และการขนส่งจึงถึงมือผู้บริโภค เพื่อให้ได้สินค้าเกษตรและอาหารที่มีคุณภาพดี ได้มาตรฐานสากลและตรงตามความต้องการของประเทศคู่ค้า รวมทั้งมีการศึกษาและติดตามความเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิด และที่สำคัญ คือ การประชาสัมพันธ์สินค้าเกษตรและอาหารของไทยให้เป็นที่รู้จักในตลาดต่าง ประเทศ ซึ่งจะเป็นหนทางหนึ่งในการเพิ่มปริมาณการส่งออกสินค้าเกษตรของไทยได้อย่างต่อเนื่อง
"แม้ว่าประเทศไทยในฐานะผู้ส่งออกสินค้าเกษตรและอาหาร ต้องพบกับอุปสรรคมากขึ้น จากการกำหนดมาตรการกีดกันทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษี จึงส่งผลทำให้การรักษาส่วนแบ่งการตลาดในตลาดเดิม รวมทั้งการรุกเข้าสู่ตลาดสินค้าเกษตรและอาหารใหม่ของไทยทำได้ยากขึ้น แต่จากการกำหนดยุทธศาสตร์การต่างประเทศในครั้งนี้ ซึ่งได้รับฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน ที่จะร่วมกันพิจารณาเป้าหมายด้านการค้าสินค้าเกษตรและอาหาร และความร่วมมือด้านการวิจัยและพัฒนากับต่างประเทศที่ต้องการเกิดขึ้นทั้งในระยะสั้นและระยะยาว และนำมากำหนดยุทธศาสตร์ในเชิงรุก ซึ่งจะส่งเสริมให้ประเทศไทยมีศักยภาพในการแข่งขันสินค้าเกษตรกับต่างประเทศได้มีประสิทธิภาพ และเป็นประโยชน์ให้แก่เกษตรกรในภาวะการแข่งขันของตลาดโลกได้มากยิ่งขึ้น" นายธีระ กล่าว
ที่มา : หนังสือพิมพ์แนวหน้า วันที่ 15 กันยายน 2552
http://www.naewna.com/news.asp?ID=178831