เมื่อวันที่ 22 กันยายน 52
จากกรณีที่ กลุ่มเกษตรกรที่เลี้ยงหอยแมลงภู่ในภาคใต้ประสบปัญหาหอยแมลงภู่เสียจำนวนมาก นั้นทาง รศ.ชูศักดิ์ ลิ่มสกุล รองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและบัณฑิตศึกษา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์(มอ.) วิทยาเขตหาดใหญ่ เผยว่าจากปริมาณน้ำฝนที่ตกหนักในปีนี้ซึ่งส่งผลกระทบต่อระดับความเค็มของน้ำ รวมทั้งปริมาณการเลี้ยงที่หนาแน่น มีผลต่อการเลี้ยงหอยแมลงภู่ เนื่องจากที่ผ่านมาทางมหาวิทยาลัยได้เข้าไปศึกษาการตายของหอยแมลงภู่ในหมู่ ที่ 1 และหมู่ที่ 4 ของ อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง ที่มีกลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงหอยอยู่ 89 ราย จำนวน 100 แพ พบว่าหอยแมลงภู่ที่เลี้ยงไว้ตายเป็นจำนวนมากเนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมของน้ำอย่างฉับพลัน
จากการตรวจสอบหอยแมลงภู่ที่อยู่ในถุงอวน พบว่าหอยแมลงภู่ที่อยู่ด้านบนหรือที่อยู่ในระดับผิวน้ำมีการตายมากกว่าหอยแมลงภู่ที่อยู่ด้านล่าง เนื่องจากระดับความเค็มของน้ำทะเลมีการเปลี่ยนแปลงมากกว่าและเร็วกว่าระดับน้ำที่อยู่ลึกลงไปส่งผลให้หอยแมลงภู่ไม่สามารถปรับตัวได้ นอกจากนี้ ปริมาณการเลี้ยงหอยแมลงภู่เพิ่มขึ้นกว่าปีที่แล้วถึง 2-3 เท่า มีผลต่อระบบการไหลเวียนของน้ำที่ไม่ดี ทำให้ปริมาณอาหารที่หอยแมลงภู่ได้รับน้อยลง เมื่อรวมกับปัจจัยของระดับความเค็มของน้ำทะเลที่ลดลงจากปริมาณฝนที่ตกหนัก ทำให้หอยแมลงภู่เกิดความเครียด อ่อนแอ และเมื่อหอยเกิดการตาย ทำให้สภาพน้ำยิ่งเสื่อมลง เกิดเชื้อโรคและส่งผลให้หอยแมลงภู่ตายเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
กลุ่มเกษตรกรจะต้องคำนึงถึงความสามารถของระบบด้วยว่า จะสามารถรองรับปริมาณหอยได้มากน้อยเท่าใด กลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงหอยแมลงภู่ควรลดจำนวนแพและปรับขนาดแพหอยให้เล็กลง ไม่แขวนถุงบรรจุหอยให้แน่นจนเกินไป ซึ่งจะช่วยลดการตายจากการเลี้ยงหอยแมลงภู่ลงได้
ที่มา : หนังสือพิมพ์ข่าวสด วันที่ 22 กันยายน 2552
http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROd2NtOHdNVEl5TURrMU1nPT0=§ionid=TURNeE13PT0=&day=TWpBd09TMHdPUzB5TWc9PQ==