เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 52
นายอภิชาต จงสกุล เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยผลการติดตามสถานการณ์การผลิตมันสำปะหลังว่า ช่วงที่ผ่านมา มีเกษตรกรหันไปปลูกข้าวโพดและอ้อยเพิ่มขึ้น ประกอบกับพื้นที่ปลูกหลายแห่งเกิดภาวะฝนทิ้งช่วง มีการระบาดของเพลี้ยแป้งเพิ่มเติม ทำให้คาดว่า ผลผลิตมันสำปะหลังน่าจะลดลงจาก 27.76 ล้านตัน จากที่ประมาณการในช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา
"ผลจากการระบาดของเพลี้ยแป้งในแหล่งปลูกมันสำปะหลังตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา ทำให้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังหันไปปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และอ้อยโรงงานทด แทน ประกอบกับราคาน้ำตาลในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น ทำให้ราคาอ้อยขั้นต้นปีนี้สูงถึง 830 บาทต่อตัน นอกจากนี้ยังพบพื้นที่การระบาดซ้ำของเพลี้ยแป้งอีกหลายแหล่ง เช่น กาญจนบุรี สระบุรี ลพบุรี นครราชสีมา โดยประมาณการเบื้องต้นคาดว่าผลผลิตในแปลงมันสำปะหลังอายุ 5 - 8 เดือนที่พบการระบาดรุนแรง จะมีความเสียหาย 40 -60 %"
ด้าน นางนารีณัฐ รุณภัย รองเลขาธิการ สศก. กล่าวเพิ่มเติมว่า ปีนี้เป็นปีแรกที่รัฐบาลเริ่มทำโครงการประกันรายได้ให้แก่เกษตรกร โดยนำร่อง 3 สินค้าหลัก ได้แก่ ข้าว ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และมันสำปะหลัง ซึ่งมี 3 ขั้นตอนสำคัญ คือ การขึ้นทะเบียนและทำประชาคมรับรองการผลิต การทำสัญญาประกันรายได้กับ ธ.ก.ส. และการใช้สิทธิสัญญาประกันรายได้ตามช่วงเวลาที่กำหนดไว้ในสัญญา โดยไม่ต้องส่งมอบสินค้า ทั้งนี้เกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนและผ่านการประชาคมรับรองแล้วอย่ารีบร้อนขายผล ผลิต จะต้องทำสัญญาประกันรายได้กับ ธ.ก.ส. ก่อน จากนั้นติดตามสถานการณ์ราคาตลาดอ้างอิงเพื่อใช้สิทธิสัญญาประกันรายได้ตามเวลาที่กำหนด และรอราคาเพื่อขายผลผลิต
ที่มา : หนังสือพิมพ์แนวหน้า วันที่ 9 ตุลาคม 2552
http://www.naewna.com/news.asp?ID=182388