เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 52
นายธีระ วงศ์สมุทร รมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) เร่งจัดทำมาตรฐานสินค้าเกษตรของไทย โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าที่มีความอ่อนไหวในการเปิดตลาดเสรีทางการค้า ซึ่งอนาคตอันใกล้นี้มีสินค้าหลายรายการที่ต้องปรับลดอัตราภาษีลงเหลือ 0 % และ 5% ตามข้อตกลงการค้าเสรีอาเซียนหรืออาฟตา (AFTA) อาทิ สินค้ากาแฟ ข้าว และข้าวโพด จะทำให้การค้าระหว่างประเทศเปิดกว้างมากขึ้น
ดังนั้น ไทยจึงจำเป็นต้องเร่งจัดทำมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหาร พร้อมพัฒนาเพื่อยกระดับประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตรให้มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน และมีความปลอดภัย ซึ่งนอกจากจะเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยสกัดกั้นสินค้าไม่ให้ทะลักเข้ามาตีตลาดภายในประเทศแล้ว ยังช่วยเสริมสร้างความมั่นคงทางอาหารและเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับผู้นำเข้า ตลอดจนเป็นจุดแข็งช่วยเพิ่มสมรรถนะการแข่งขันให้กับสินค้าเกษตรไทยในเวทีการค้าโลกด้วย
รม ว.เกษตรฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า "ปีนี้กระทรวงเกษตรฯมีแผนเร่งสนับสนุน และผลักดันให้เกษตรกรผู้ปลูกพืชเข้าสู่ระบบมาตรฐานเพี่มมากขึ้น โดยจะส่งเสริมการตรวจรับรองฟาร์มมาตรฐานแบบกลุ่ม(GAP) นำร่องพื้นที่ จ.เชียงใหม่ สุโขทัย ขอนแก่น นครราชสีมา ฉะเชิงเทรา พระนครศรีอยุธยา ราชบุรี ชุมพร พัทลุง และสงขลา เพื่อเป็นต้นแบบให้กลุ่มเกษตรกรทั่วประเทศ ซึ่งเป็นช่องทางที่จะช่วยขยายผลการเพิ่มปริมาณแหล่งผลิตมาตรฐาน GAP เพิ่มมากขึ้นได้" รมว.เกษตรและสหกรณ์กล่าว
ด้าน นายนิวัติ สุธีมีชัยกุล ผ.อ.มกอช. กล่าวว่า ปี 2553 กระทรวงเกษตรฯได้จัดสรรงบประมาณจำนวน 230,476,700 บาท ให้ มกอช. ขับเคลื่อนการพัฒนาคุณภาพการผลิตสินค้าเกษตรและอาหารของไทยทั้งสินค้าพืช ปศุสัตว์ และสินค้าประมงให้ได้มาตรฐาน และมีความปลอดภัย เพื่อให้เป็นที่ยอมรับของประเทศผู้นำเข้าทั่วโลก ภายใต้วิสัยทัศน์ "เป็นองค์กรนำด้านการมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารสู่ระดับสากล"
ที่มา : หนังสือพิมพ์แนวหน้า วันที่ 12 ตุลาคม 2552
http://www.naewna.com/news.asp?ID=182768