'สิงทอง นาชัย' หมอดินหัวก้าวหน้าปลูกพืชอินทรีย์รองรับตลาดโลก
เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 52
'สิงทอง นาชัย' หมอดินหัวก้าวหน้าปลูกพืชอินทรีย์รองรับตลาดโลก
ปัจจุบัน เกษตรกรหลายรายหันมาทำการเกษตรแบบเกษตรอินทรีย์กันมากขึ้น เนื่องจากการทำเกษตรอินทรีย์นั้น ที่สำคัญจะเน้นการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ เช่น ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยพืชสด และปุ๋ยชีวภาพในการปรับปรุงบำรุงดินให้มีความอุดมสมบูรณ์ เพื่อให้ต้นพืชมีความแข็งแรงสามารถต้านทานโรคและแมลงด้วยตนเอง รวมถึงการนำเอาภูมิปัญญาชาวบ้านมาใช้ประโยชน์ด้วย ผลผลิตที่ได้จะปลอดภัยจากสารพิษตกค้างทำให้ปลอดภัยทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภค และไม่ทำให้สภาพแวดล้อมเสื่อมโทรมอีกด้วย
นอกจากนี้ มูลค่าสินค้าเกษตรอินทรีย์ในตลาดโลก แต่ละปีมีอัตราการเติบโตเฉลี่ย ปีละ 20% และหากเข้าไปดูในห้างสรรพสินค้าต่าง ๆ สินค้าเกษตรอินทรีย์ก็จะมีราคาที่สูงกว่าสินค้าทั่วไปถึงสามเท่าตัวหรือ มากกว่านั้น นั่นจึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ประเทศไทยซึ่งเป็นประเทศเกษตร กรรมมองเห็นโอกาสนี้ และพยายามที่จะปรับตัวเข้าไปสู่กระแสของสินค้าเกษตรอินทรีย์ สินค้าเพื่อสุขภาพ
เช่นเดียวกับ นายสิงทอง นาชัย อายุ 63 ปี หมอดินอาสาประจำหมู่บ้าน จังหวัดหนองบัวลำภู และเป็นหมอดินอาสาดีเด่นชนะเลิศสำนักงานพัฒนาที่ดินเขต 5 ประจำปี 2552 ของกรมพัฒนาที่ดิน ที่มีหัวคิดที่ทันสมัยในการปรับเปลี่ยนการปลูกพืชมาทำเกษตรอินทรีย์ทั้งหมด พร้อมกับสร้างเครือข่ายกลุ่มเกษตรอินทรีย์ขึ้นมาจนประสบความสำเร็จในที่สุด
นายสิงทอง เล่าถึงขั้นตอนในการปลูกข้าวแบบไม่ใช้สารเคมีให้ฟังว่า
เริ่มแรกต้องทำการปรับปรุงบำรุงดินด้วยการไถกลบตอซังข้าว และปลูกพืชปุ๋ยสด โดยเริ่มจากการฉีดพ่นน้ำหมักชีวภาพในอัตรา 6-10 ลิตรต่อไร่ หลังเก็บเกี่ยวข้าวเสร็จ ในช่วงเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม พอช่วงปลายเดือนพฤษภาคม-กลางเดือนมิถุนายน หว่านเมล็ดพันธุ์พืชปุ๋ยสด เช่น ถั่วพุ่ม หรือ ปอเทือง อัตรา 5-10 กิโลกรัมต่อไร่ ทิ้งไว้ประมาณ 45 วัน แล้วไถกลบ หลังจากนั้นตากดินทิ้งไว้ 7-10 วัน แล้วไถแปรเพื่อปักดำข้าวในช่วงต้นเดือนสิงหาคม
“การทำนาข้าวในลักษณะนี้ นอกจากจะเป็นการลดต้นทุนการผลิตได้มากแล้ว ยังสามารถรักษาหน้าดินให้มีความอุดมสมบูรณ์ อีกทั้งข้าวที่ผลิตออกมายังมีคุณภาพดีและขายได้ราคาด้วย”
ทั้งนี้ ได้จัดตั้งเครือข่ายกลุ่มเกษตรอินทรีย์ตามนโยบายของกรมพัฒนาที่ดิน กลุ่มปุ๋ยอินทรีย์หนองกุงทรัพย์เกษตร มีสมาชิกถาวรขึ้นทะเบียน 100 ราย และเครือข่ายรวมกลุ่มกันประมาณ 50 ครัวเรือน ได้ร่วมกันจัดตั้งกิจกรรมวิสาหกิจชุมชน ผลิตปุ๋ยอินทรีย์ชีวภาพ โดยจัดตั้งโรงปุ๋ยอินทรีย์ชีวภาพอัดเม็ด กำลังการผลิตปีละ 20 ตัน ซึ่งผลจากการดำเนินงานทำให้สมาชิกกลุ่มมีความพร้อม สามารถพัฒนาตนเองให้รองรับนโยบายการส่งเสริมเกษตรอินทรีย์และอาหารปลอดภัย ได้
เกษตรกรรายใดต้องการเรียนรู้การทำเกษตรอินทรีย์ที่ถูกต้องและประสบความสำเร็จ สามารถติดต่อขอคำแนะนำได้ที่ หมอดินอาสาสิงทอง นาชัย บ้านเลขที่ 49 หมู่ที่ 13 บ้านทรัพย์ภูเก้า ต.หนองเรือง อ.โนนสัง จ.หนองบัวลำภู หรือเบอร์โทร. 08-3362-9846.
ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 14 ตุลาคม 2552
http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=345&contentID=25786
ข่าวที่เกี่ยวข้อง ทางเลือก-ทางรอดเกษตรกรรมไทยในปี 2553
มันสำปะหลังทุบสถิติส่งท้ายปี สูงเกินราคาประกันรัฐบาล คาดปีหน้ายังพุ่งขึ้นต่อเนื่อง
เตือนภัย เพลี้ยแป้งระบาดในมันสำปะหลัง
อียูลดค่าสีผสมอาหาร 3 ชนิด
สศก.เปิดเผยศึกษาลำไยนอกฤดู ยันเกษตรกรได้รับผลคุ้มค่า แนะตั้งกลุ่มส่งเสริมจริงจัง
โอกาสของเกษตรกรรายย่อยในการรับรองฟาร์มแบบกลุ่ม
มะนาวพันธุ์ 'แป้นดกพิเศษ' ดกกว่าพันธุ์แป้นรำไพ 2-3 เท่า