เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 52
นายยุคล ลิ้มแหลมทอง ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการโคนมและผลิตภัณฑ์นม ว่า ที่ประชุมรับทราบการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการจัดระบบโครงการอาหารเสริม (นม)โรงเรียน โดยขณะนี้โรงเรียนต่าง ๆ ได้มีการรับซื้อนมเรียบร้อยแล้ว และอยู่ระหว่างให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบว่าเด็กนักเรียนได้รับนมแล้ว รวมทั้งให้ตรวจสอบจำนวนเด็กนักเรียนที่ได้รับนมในโครงการอาหารเสริม (นม)โรงเรียนทั้งหมด โดยให้ประธานโครงการอาหารเสริม (นม)โรงเรียนระดับจังหวัดรายงานยอดการซื้อขายนมให้ผู้ว่าราชการจังหวัดรับทราบทุกเดือน ทั้งนี้ เพื่อพิจารณาว่าผู้ประกอบการได้มีการซื้อนมจากเกษตรกรในปริมาณที่สอดคล้องกับจำนวนเด็กที่ได้รับนมหรือไม่
ในส่วนของการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการบริหารนมทั้งระบบ อยู่ระหว่างจัดเตรียมข้อมูลเพื่อทำบันทึกข้อตกลงระหว่างเกษตรกรและผู้ประกอบการ เพื่อใช้ในปี พ.ศ. 2553 สำหรับการจ่ายเงินชดเชยนั้น ปัจจุบันมีปริมาณน้ำนมที่ได้รับการตรวจสอบและได้รับเงินชดเชยแล้วจำนวน 2,508 ตัน และมีปริมาณนมค้างสต็อกอีกประมาณ 130 ตัน จึงมอบหมายให้กรมส่งเสริมสหกรณ์เชิญผู้ประกอบการหารือร่วมกันเพื่อให้พิจารณาเพิ่มปริมาณการรับซื้อน้ำนมให้สอดคล้องกับจำนวนเด็ก เนื่องจากปัจจุบันมีการขยายจำนวนเด็กนักเรียนในโครงการอาหารเสริม (นม)โรงเรียน ในระดับชั้น ป. 5- 6 ซึ่งหากผู้ประกอบการสามารถเพิ่มปริมาณการรับซื้อได้ก็จะช่วยแก้ปัญหานมที่ ค้างสต็อกดังกล่าวได้ นอกจากนี้ที่ประชุมยังมีการตั้งคณะทำงานทบทวนยุทธศาสตร์โคนมเพื่อรองรับผลกระทบการเปิดเขตการค้าเสรีอาเซียน (AFTA) ทั้งนี้ เพื่อเตรียมแนวทางป้องกันและแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดจากการลดภาษีน้ำนมดิบ/นม ปรุงแต่ง และนมผงขาดมันเนย เหลือร้อยละ 0 ในปี 2553
ที่มา : หนังสือพิมพ์แนวหน้า วันที่ 16 ตุลาคม 2552
http://www.naewna.com/news.asp?ID=183296