เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 52
นายฉลอง เทพวิทักษ์กิจ รองอธิบดีกรมพัฒนาที่ดิน เปิดเผยถึงแผนงานของกรมพัฒนาที่ดินตามยุทธศาสตร์การพัฒนาเกษตรอินทรีย์แห่งชาติว่า กรมพัฒนาที่ดินได้รับงบประมาณปี 2553 จำนวน 460 ล้านบาท เพื่อดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ 2 ยุทธศาสตร์ ได้แก่ 1.การเสริมสร้างและจัดการองค์ความรู้และนวัตกรรม และ 2.การพัฒนาการเกษตรอินทรีย์ตามวิถีพื้นบ้าน
ดังนั้นจึงได้กำหนดนโยบายและแผนปฏิบัติการสานต่องานขับเคลื่อนเกษตรอินทรีย์ ไว้ 6 แผนงาน ประกอบด้วย
1.จัดตั้งกลุ่มเกษตรกรใช้สารอินทรีย์ลดการใช้สารเคมีทางการเกษตรขึ้นใหม่ จำนวน 12,000 กลุ่ม เพื่อลดการใช้สารเคมีทางการเกษตรให้กับเกษตรกรในพื้นที่เป้าหมาย พร้อมสนับสนุนวัสดุอุปกรณ์และปัจจัยการผลิตทางการเกษตร เช่น ถังหมัก กากน้ำตาล สมุนไพร สารเร่งจุลินทรีย์ พด. เมล็ดพันธุ์ปุ๋ยพืชสด สารปรับปรุงดิน
2.ฝึกอบรมประธานกลุ่มเกษตรกรใช้สารอินทรีย์ฯ ให้ได้รับองค์ความรู้เพิ่มเติม ซึ่งคาดว่าจะดำเนินเสร็จภายในเดือนมิถุนายน 2553
3.การทำโครงการเกษตรอินทรีย์ในโรงเรียน 300 โรงเรียน ซึ่งจะมีการจัดฝึกอบรมค่ายยุวหมอดินจำนวน 3,000 ราย เป้าหมายจะดำเนินการเสร็จภายในเดือนพฤษภาคม 2553
4.การขับเคลื่อนโรงผลิตปุ๋ยอินทรีย์ชุมชนงบ CEO และงบของกรมพัฒนาที่ดิน 500 แห่ง และรับรองมาตรฐานปัจจัยการผลิตทางการเกษตร
5.วิจัยทดสอบนวัตกรรมผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีชีวภาพ ได้แก่ สารเร่งซุปเปอร์ พด.7 สารเร่งซุปเปอร์ พด.9 และปุ๋ยชีวภาพ พด.12 หรือเรียกอีกชื่อว่าโรงปุ๋ยในดิน และ
6.คัดเลือกลุ่มเกษตรกรใช้สารอินทรีย์ทดแทนสารเคมีทางการเกษตรที่มีความเข้ม แข็งและมีศักยภาพ เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้ให้พัฒนาไปสู่การผลิตตามมาตรฐานระดับต่างๆ ต่อไป
ทั้งนี้ กรมพัฒนาที่ดินได้ให้ความสำคัญกับการดำเนินงานขับเคลื่อนการส่งเสริมการใช้ สารอินทรีย์เพื่อลดใช้สารเคมีทางการเกษตรมาอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าการพัฒนาไปสู่การผลิตระบบเกษตรอินทรีย์ตามมาตรฐานระดับต่างๆ ได้แก่ ระดับท้องถิ่น ระดับประเทศ และระดับสากล
ที่มา : หนังสือพิมพ์แนวหน้า วันที่ 2 พฤศจิกายน 2552
http://www.naewna.com/news.asp?ID=185530