สองกรมฯ จับมือเก็บตัวอย่างปุ๋ยตรวจสอบมาตรฐาน
เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 52
สองกรมฯ จับมือเก็บตัวอย่างปุ๋ยตรวจสอบมาตรฐาน
นายฉกรรจ์ แสงรักษาวงษ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้สั่งการให้สำนักงานสหกรณ์จังหวัดทุกจังหวัดเข้าไปตรวจสอบเรื่องการจำหน่ายปัจจัยการผลิตของสหกรณ์การเกษตร ทั้งสินค้าประเภทปุ๋ย สารเคมีและยาปราบศัตรูพืช และเมล็ดพันธุ์เพื่อการเพาะปลูก
เนื่องจากได้รับข้อมูลจากกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ว่ามีสหกรณ์การเกษตรจำนวน 3,200 แห่งที่ดำเนินธุรกิจจำหน่ายปุ๋ยให้แก่สมาชิกและเกษตรกรทั่วไป
กรมส่งเสริมสหกรณ์จะร่วมมือกับกรมวิชาการเกษตร โดยให้สำนักงานสหกรณ์จังหวัดทุกจังหวัดและผู้ตรวจราชการกรมส่งเสริมสหกรณ์ เข้าไปสำรวจการจำหน่ายปัจจัยการผลิตของสหกรณ์จังหวัดต่าง ๆ และเก็บตัวอย่างปุ๋ยที่สหกรณ์นำมาจำหน่าย ตัวอย่างปุ๋ยที่ได้ จะแบ่งเอาไว้เป็น 3 ส่วน ส่วนแรกจะเก็บไว้ที่สหกรณ์ ส่วนที่ 2 ส่งให้กรมวิชาการเกษตรตรวจสอบโดยใช้ห้องเซ็นทรัลแล็บ และส่วนที่ 3 เก็บไว้ที่กรมส่งเสริมสหกรณ์ เพื่อวิเคราะห์ดูว่าปุ๋ยของสหกรณ์ที่นำมาจำหน่ายให้แก่สมาชิกนั้นได้มาตรฐาน ตรงตามหลักวิชาการหรือไม่ และหากพบว่าสหกรณ์ใดจำหน่ายปุ๋ยที่ไม่มีคุณภาพ เป็นปุ๋ยปลอม หรือจำหน่ายเกินราคาที่เป็นจริงก็จะแจ้งให้กับสมาชิกและเกษตรกร ได้รับทราบและระมัดระวังในการเลือกซื้อปัจจัยการผลิต รวมทั้งให้ทุกจังหวัดคุมเข้มสหกรณ์ที่จะดำเนินธุรกิจจำหน่ายปัจจัยการผลิต ว่าจะต้องมีหนังสือรับรองผลจากห้องแล็บของกรมวิชาการเกษตร เพื่อรับประกันว่าปุ๋ยที่จำหน่ายนั้นมีคุณภาพ และมีค่ามาตรฐานตรงตามที่กรมวิชาการเกษตรกำหนดเท่านั้น
อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ได้มีการประชุมเพื่อมอบนโยบายให้กับเจ้าหน้าที่ของกรมส่งเสริมสหกรณ์เร่งพัฒนาธุรกิจด้านการจำหน่าย ปัจจัยการผลิต โดยมุ่งเน้นให้สหกรณ์ภาคการเกษตรได้คำนึงถึงในเรื่องของคุณภาพของปัจจัยการผลิตที่จะนำมาจำหน่ายให้แก่เกษตรกร
เนื่องจากปัจจัยการผลิตนั้นถือว่ามีความสำคัญต่อการประกอบอาชีพทางการเกษตร และต้องสร้างความเชื่อมั่นในเรื่องของมาตรฐานในการดำเนินธุรกิจจำหน่าย ปัจจัยการผลิตของสหกรณ์ เพื่อให้เกษตรกรไว้วางใจว่าสหกรณ์จะจำหน่ายแต่สินค้าที่มีคุณภาพได้มาตรฐาน และคำนึงถึงผลประโยชน์ที่สมาชิกและเกษตรกรได้รับเป็นหลัก รวมถึงจะพัฒนาให้สหกรณ์การเกษตรเป็นจุดจำหน่ายปัจจัยการผลิตที่มีคุณภาพได้มาตรฐานแก่เกษตรกรต่อไป
สำหรับสหกรณ์ที่ขายสารเคมีและยาปราบศัตรูพืชมีจำนวน 300 แห่ง และสหกรณ์ที่ขายเมล็ดพันธุ์มีจำนวน 600 แห่ง ซึ่งในการดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการจัดหาปัจจัยการผลิตที่สหกรณ์ นำมาจำหน่ายให้แก่สมาชิกและเกษตรกรในพื้นที่ต่าง ๆ นั้น มูลค่าของธุรกิจดังกล่าวมีประมาณ 16,000 ล้านบาท และ มีสหกรณ์ 165 แห่ง มียอดจำหน่ายปุ๋ย วงเงินรวมกันเกินกว่า 70% ของ มูลค่าธุรกิจทั้งหมด สหกรณ์ที่จำหน่ายปุ๋ยได้มากที่สุดอยู่จังหวัดนครสวรรค์ ส่วนชุมนุมสหกรณ์การเกษตรจังหวัดน่าน จำกัด เป็นชุมนุมฯที่สามารถดำเนินธุรกิจขายสารเคมีและยาได้มากที่สุด
และสหกรณ์ลูกค้า ธ.ก.ส. จังหวัดเพชรบูรณ์ จำกัด เป็นสหกรณ์ที่จำหน่ายเมล็ดพันธุ์ได้ปริมาณสูงสุด มีส่วนแบ่งการตลาดคิดเป็น 10% ของมูลค่าธุรกิจด้านเมล็ดพันธุ์พืชของสหกรณ์ทั่วประเทศ.
ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 6 พฤศจิกายน 2552
http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryID=582&contentID=30236
ข่าวที่เกี่ยวข้อง ทางเลือก-ทางรอดเกษตรกรรมไทยในปี 2553
มันสำปะหลังทุบสถิติส่งท้ายปี สูงเกินราคาประกันรัฐบาล คาดปีหน้ายังพุ่งขึ้นต่อเนื่อง
เตือนภัย เพลี้ยแป้งระบาดในมันสำปะหลัง
อียูลดค่าสีผสมอาหาร 3 ชนิด
สศก.เปิดเผยศึกษาลำไยนอกฤดู ยันเกษตรกรได้รับผลคุ้มค่า แนะตั้งกลุ่มส่งเสริมจริงจัง
โอกาสของเกษตรกรรายย่อยในการรับรองฟาร์มแบบกลุ่ม
มะนาวพันธุ์ 'แป้นดกพิเศษ' ดกกว่าพันธุ์แป้นรำไพ 2-3 เท่า