เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 52
ขณะที่สถาบันสุขภาพแห่งชาติ รัฐแมรีแลนด์ สหรัฐอเมริกา รายงานว่าพบ vitamin C จากผลมะขามป้อม ในปริมาณที่สูงและสามารถนำมาใช้ในการฆ่าเซลล์มะเร็งได้
มะขามป้อม มีชื่อวิทยาศาสตร์ : Phyl-lanthus emblica L. อยู่ในตระกูล Euphorbiaceae เป็นพืชท้องถิ่นมีการกระจายพันธุ์ตามธรรมชาติอย่างกว้างขวาง ตามป่าเบญจพรรณแล้ง ป่าละเมาะ และป่าชุมชน ทั้งยังมีการปลูกเป็นการค้าในประเทศจีน อินเดีย มอริเชียส และหมู่เกาะอินเดียตะวันตก ในบ้านเราถือว่าเป็นผลไม้ตามธรรมชาติที่มีการใช้ประโยชน์ ด้านอาหารเพื่อสุขภาพ และเป็นยาสมุนไพร
ณ วันนี้ ประเทศสหรัฐอเมริกาได้ชิงตัดหน้าจดสิทธิบัตรการใช้มะขามป้อมเป็นส่วนประกอบ ในยาบางตัวด้วย สถาบันสุขภาพแห่งชาติ รัฐแมรีแลนด์ สหรัฐอเมริกา รายงานว่าพบ vitamin C จากผลมะขามป้อม ในปริมาณที่สูงและสามารถนำมาใช้ในการฆ่า เซลล์มะเร็ง ได้ ซึ่งได้นำไป ทดลองกับหนูเป็นผลสำเร็จแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการทดลองกับมนุษย์
ข้อมูล เหล่านี้สอดคล้องกับ นักวิจัยในประเทศอังกฤษ ระบุว่า นอกจากมี vitamin C สูงแล้ว มะขามป้อมยังมี tannin อยู่ทุกส่วนของต้น โดยเฉพาะที่ผลมี tannin พวก gallotannins และ ellagitannins (ellagic tannin) อันมีคุณสมบัติพิเศษในการช่วยรักษาความเสถียรของ vitamin C ให้คงคุณภาพได้นานแม้จะถูกแปรรูปโดยการดองหรือทำผง
ประเทศไทยยังคงมะงุมมะงาหรากับสรรพคุณทางยาสมุนไพรของมะขามป้อม คือ ผล แก้ไอ ละลายเสมหะ แก้เจ็บคอ คอแห้ง คอตีบ ใบ แก้โรคผิวหนัง ผื่นคัน แผลมีหนองเรื้อรัง บิดจากแบคทีเรีย เปลือก รักษาบาดแผล แผลฟกช้ำ บิด ราก แก้ร้อนใน ท้องเสีย ลดความดัน รักษาโรคเรื้อน และ ปมที่ก้าน แก้ปวดกระเพาะอาหาร ปวดเมื่อยในกระดูก ปวดฟัน แก้ไอ และโรคไส้เลื่อน
อย่างไรก็แล้วแต่ ในสรรพคุณที่หลากหลายนี้สิ่งที่มวลมนุษยชาติพึงได้รับ นายสุดประสงค์ สุวรรณเลิศ นางสาวนิภา เขื่อนขวบ และ นางนวลปรางค์ ไชย-ตะขบ จึงได้จัดตั้ง โครงการวิจัยและพัฒนาการผลิตมะขามป้อมเพื่อการใช้ประโยชน์ในอนาคต ขึ้น โดยทำแปลงรวบรวมสายพันธุ์มะขามป้อมไว้ ณ สถานีวิจัยสิทธิพรกฤดากร บ้านบางเบิด อำเภอบางสะพานน้อย จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ภายใต้การดูแลของ สถาบันค้นคว้าและพัฒนาระบบนิเวศเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ซึ่งมี อาจารย์นคร เหลืองประเสริฐ เป็นที่ปรึกษา
อาจารย์นคร บอกว่า โครงการฯ ได้สำรวจคัดเลือกและรวบรวมสายพันธุ์มะขามป้อมจากแหล่งธรรมชาติเพื่อหาสาย พันธุ์ที่มีคุณภาพดี มีสารสำคัญที่เป็นประโยชน์สูง รวมทั้งศึกษาให้คำแนะนำในการปลูกเลี้ยงที่ดี
ซึ่งสามารถพบ ตามธรรมชาติได้ในบริเวณพื้นที่ตั้งแต่ระดับน้ำทะเลไปจนถึงพื้นที่สูง 1,500 เมตร และมักไม่ค่อยพบต้นมะขามป้อมที่โตเต็มที่ตามธรรมชาติ เนื่องจากเจริญเติบโตช้าและยังถูกตัดต้นไปใช้ประโยชน์อยู่เสมอ โดยปกติจะออกดอกครั้งแรกเมื่อต้นมีอายุประมาณ 8 ปี มันเป็นพืชที่ตอบสนองต่อช่วงแสง คือจะออกดอกที่ช่วงวันยาว (2-13.5 ชั่วโมง)
จากการปฏิบัติการมาอย่างต่อเนื่อง จึงมีผลพลอยได้ ปัจจุบันมีการผลิตเป็นอุตสาหกรรมอาหารเพื่อสุขภาพ เป็นผลิตภัณฑ์แปรรูปหลากหลาย อาทิ น้ำมะขามป้อม มะขามป้อมแช่อิ่ม มะขามป้อมผง เครื่องสำอางบำรุงผิว ยาย้อมผม เป็นยาสมุนไพรแก้ไอและเจ็บคอ ฯลฯ
สถาบันค้นคว้าและพัฒนาระบบนิเวศเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้ค้นคว้าและพัฒนาระบบเกษตรอย่างยั่งยืน ฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม เพื่อ "สืบสานภูมิปัญญาไทย" นอกจากมะขามป้อมแล้ว ยังมีอื่นๆอีกมากมายเพื่อสร้างทางเลือก เข้าสู่การพัฒนาพาไทยเข้มแข็ง
ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ วันที่ 9 พฤศจิกายน 2552
http://www.thairath.co.th/content/edu/45413