เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 52
นายธวัชชัย สำโรงวัฒนา อธิบดีกรมพัฒนาที่ดิน เปิดเผยว่า กรมเป็นหน่วยงานหนึ่งที่ส่งเสริมให้เกษตรกร ลด ละ เลิก การเผาตอซังข้าวและเศษวัสดุทางการเกษตร โดยที่ผ่านมาได้รณรงค์ให้เกษตรกรหลังจากเก็บเกี่ยวผลผลิต ควรทำการไถกลบตอซังข้าวหรือพืชไร่ลงไปในดินขณะที่ดินมีความชื้น และปล่อยทิ้งไว้ช่วงระยะเวลาหนึ่ง เพื่อให้เกิดกระบวนการย่อยสลายในดิน เพื่อเป็นการปรับปรุงโครงสร้างของดินทำให้ดินร่วนซุยง่ายต่อการเตรียมดิน ระบบรากพืชจะสามารถแพร่กระจายในดินได้มากขึ้น การระบายอากาศของดินเพิ่มมากขึ้น การอุ้มน้ำของดินดีขึ้น เป็นการเพิ่มธาตุอาหารให้แก่ดินโดยตรง ช่วยดูดซับธาตุอาหารในดิน ทำให้ค่าความเป็นกรดเป็นด่าง (pH) เป็นกลาง เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของจุลินทรีย์ เพิ่มปริมาณและกิจกรรมของจุลินทรีย์ โดยเฉพาะกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงธาตุอาหารในดิน ให้อยู่ในรูปที่เป็นประโยชน์ต่อพืช และลดปริมาณเชื้อสาเหตุโรคพืชบางชนิดในดินให้น้อยลง
ทั้งนี้ ขอแนะนำให้ใช้เทคโนโลยีทางชีวภาพของกรม ได้แก่ สารเร่งซุปเปอร์ พด.2 มาผลิตน้ำหมักชีวภาพไปหมักตอซังในพื้นที่เพาะปลูกก่อนการไถกลบ ซึ่งน้ำหมักชีวภาพมีประโยชน์ เป็นสารช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตและเพิ่มจำนวนของจุลินทรีย์ในดินและช่วย ย่อยสลายตอซังได้ดี ทำให้ตอซังอ่อนนุ่มย่อยสลายได้ง่ายและไถกลบสะดวกขึ้น ซึ่งเกษตรกรสามารถขอรับสารเร่งซุปเปอร์ พด.2 และสอบถามวิธีการไถกลบตอซังร่วมกับการใช้น้ำหมักชีวภาพได้ที่สถานีพัฒนาที่ดินทุกแห่ง
"การปรับปรุงบำรุงดินโดยใช้ตอซังหรือฟางข้าว กล่าวได้ว่า เป็นหัวใจสำคัญในขั้นตอนแรกของการพัฒนาระบบการเกษตรอย่างยั่งยืน นอกจากการใช้ประโยชน์จากตอซังเพื่อการไถกลบลงดินแล้ว ยังสามารถนำมาคลุมดินเพื่อเป็นการรักษาความอุดมสมบูรณ์ของดินไว้ได้อย่างดีด้วย" อธิบดีกรมพัฒนาที่ดินกล่าว
ที่มา : หนังสือพิมพ์แนวหน้า วันที่ 11 พฤศจิกายน 2552
http://www.naewna.com/news.asp?ID=186707