เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 52
นายประเสริฐ โกศัลวิตร อธิบดีกรมการข้าว เปิดเผยว่า ในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนมกราคมของทุกปี เป็นช่วงต้นของฤดูการทำนาปรังและช่วงปลายฤดูการเก็บเกี่ยวของนาปี หากอุณหภูมิลดลงและมีอากาศหนาวเย็นอย่างต่อเนื่องมักส่งผลกระทบต่อข้าว ผลความเสียหายที่เกิดขึ้นจากอุณหภูมิต่ำนี้เรียกว่าข้าวกระทบหนาว หากเกิดขึ้นในระยะกล้าจะทำให้ต้นข้าวชะงักการเจริญเติบโต แคระแกรน ใบเหลืองจนถึงต้นกล้าแห้งตาย ถ้าเกิดในระยะแตกกอและกำเนิดช่อดอกจะทำให้ต้นข้าวชะงักการเจริญเติบโต ออกดอกช้า รวงข้าวโผล่ไม่พ้นกาบใบธงและถ้าเกิดในระยะออกดอกหรือระยะผสมเกสรจะทำให้เกสร ตัวผู้ไม่สมบูรณ์ผสมเกสรไม่ติดจะเกิดเมล็ดลีบมาก
กรมการข้าวขอแนะนำเกษตรกรที่เตรียมจะปลูกข้าวรุ่นต่อไป ควรชะลอการปลูก และติดตามสภาพอากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา เนื่องจากข้าวในระยะนี้จะชะงักการเจริญเติบโต และหลีกเลี่ยงการใช้พันธุ์ข้าว พิษณุโลก 2 เนื่องจากอ่อนแอต่อสภาพอากาศเย็นมาก ควรใช้ข้าวพันธุ์ใหม่ เช่น กข29 กข31 ซึ่งมีคุณสมบัติใกล้เคียงข้าวพันธุ์พิษณุโลก 2 แต่ทนหนาวได้ดีกว่า ส่วนข้าวที่ชะงักการเจริญเติบโตในขณะที่อุณหภูมิยังไม่สูงขึ้น ควรชะลอการใส่ปุ๋ยจนกว่าอุณหภูมิจะสูงเป็นปกติ เนื่องจากข้าวจะไม่ตอบสนองต่อปุ๋ยในภาวะอากาศหนาวเย็นเมื่ออุณหภูมิปรับสูง ขึ้นตั้งแต่ 20 องศาเซลเซียสขึ้นไปแล้วข้าวจึงจะมีการเจริญเติบโตและตอบสนองต่อปุ๋ย
อย่างไรก็ตาม หากเกษตรกรมีข้อสงสัยสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่หน่วยงานของกรมการ ข้าวใกล้บ้าน หรือที่ศูนย์บริการชาวนา 50 แห่งทั่วประเทศ
ที่มา : หนังสือพิมพ์แนวหน้า วันที่ 12 พฤศจิกายน 2552
http://www.naewna.com/news.asp?ID=186895