เทคนิคเลี้ยงกล้วยไม้สกุลแวนด้า
เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 52
เทคนิคเลี้ยงกล้วยไม้สกุลแวนด้า
เกษตรกรที่คิดจะเลี้ยงกล้วยไม้ในเชิงพาณิชย์มักจะตั้งโจทย์เริ่มต้นว่าปลูกเลี้ยงยากทำให้เกิดความท้อเสียก่อน แต่ในความเป็นจริงแล้วกล้วยไม้จัดเป็นไม้ดอกที่ปลูกเลี้ยงง่ายเพียงแต่ “มีน้ำใจให้เขาเท่านั้นเอง” หรืออาจจะกล่าวง่าย ๆ คือเริ่มต้นจากใจรักแล้วค่อย ๆ เรียนรู้ไป ความหมายของน้ำใจก็คือมีการเอาใจใส่ให้ปุ๋ยให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ
อย่างกรณีของกล้วยไม้ฟ้ามุ่ยถ้าเป็นเกษตรกรทั่วไปจะเลี้ยงและให้ดอกเพียงปีละครั้งเท่านั้น แต่ที่สวนกันติกานต์ของคุณเกรียงศักดิ์ กันติกานต์ เกษตรกรจังหวัดพิจิตร มีการบำรุงและดูแลรักษาอย่างดีจะให้ดอกได้ถึงปีละ 3 ครั้ง ที่สวนกล้วยไม้กันติกานต์ส่วนใหญ่จะเลี้ยงกล้วยไม้ลูกผสม คุณเกรียงศักดิ์บอกว่าลักษณะของกล้วยไม้แวนด้าลูกผสมที่ดีจะต้องมีลักษณะดัง นี้ “ก้านช่อจะต้องมีขนาดใหญ่และยาว กลีบดอกจะต้องแข็ง บานทนอย่างน้อย 1 เดือนขึ้นไป”
สำหรับการปลูกกล้วยไม้แวนด้าในเชิงพาณิชย์นั้น คุณเกรียงศักดิ์บอกว่า ชนิดของ “แสลน” หรือตาข่ายพรางแสง มีความสำคัญมาก ในแต่ละอายุของกล้วยไม้สกุลแวนด้าจะใช้แสลนที่แตกต่างกันอย่างเช่น ไม้เล็กตั้งแต่ออกจากขวดเลี้ยงจนมีอายุต้นได้ 1 ปี จะใช้แสลนสีดำพรางแสง 70% รับแสงแดดเพียง 30% สำหรับไม้ใหญ่ของกล้วยไม้สกุลแวนด้าจะใช้แสลน 60% แต่ถ้าเป็นกล้วยไม้ไทยและกล้วยไม้สกุลแคทลียาจะใช้ตาข่ายพรางแสง 50%
แต่เดิมที่สวนกันติกานต์จะใช้น้ำประปา แต่ต้นทุนสูงมาก ในแต่ละเดือนเฉพาะต้นทุนค่าน้ำประปาเพื่อให้กับต้นกล้วยไม้ในพื้นที่เพียง 2 ไร่เศษ ไม่ต่ำกว่า 10,000 บาทต่อเดือน โดยเฉพาะถ้าปลูกแวนด้าและม็อคคาร่าเพื่อตัดดอกขายจะใช้น้ำมาก ปัจจุบันจึงเปลี่ยนมาใช้น้ำจากแม่น้ำน่าน หลักการสำคัญของการให้น้ำของสวนกันติกานต์คือจะให้เช้า-เย็น แต่ถ้าอากาศครึ้ม ๆจะให้เพียงรอบเช้ารอบเดียว ถ้าเป็นช่วงฤดูหนาวจะให้ เช้า-เย็น ให้น้ำแบบสปริงเกอร์ ให้นาน 3 นาทีต่อ 1 รอบ
การให้ปุ๋ยกับกล้วยไม้สกุลแวนด้าของสวนกันติกานต์นั้นจะเน้นการฉีดพ่นปุ๋ยเกล็ดทางใบโดยเลือกสูตรปุ๋ยที่ฉีดพ่นตามหลักการทั่วไปคือ ถ้าเร่งการเจริญ เติบโตจะเลือกสูตรที่มีไนโตรเจนสูง หรือสูตรเสมอ แต่ถ้าเร่งดอกจะเน้น ฟอสฟอรัสและถ้าเน้นสีของดอกจะเน้นโพแทสเซียมอย่างนี้เป็นต้น แต่สูตรปุ๋ยทางใบที่สวนกันติกานต์ใช้ฉีดพ่นในแต่ละครั้งจะต้องมีอัตรารวมกันของธาตุหลักไม่ต่ำกว่า 60 เช่น ฉีดพ่นปุ๋ยเกล็ดสูตร 21-21-21 มีธาตุไนโตรเจน, ฟอสฟอรัสและโพแทสเซียมรวมกันเท่ากับ 63.
ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 20 พฤศจิกายน 2552
http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=568&contentID=32924
ข่าวที่เกี่ยวข้อง ทางเลือก-ทางรอดเกษตรกรรมไทยในปี 2553
มันสำปะหลังทุบสถิติส่งท้ายปี สูงเกินราคาประกันรัฐบาล คาดปีหน้ายังพุ่งขึ้นต่อเนื่อง
เตือนภัย เพลี้ยแป้งระบาดในมันสำปะหลัง
อียูลดค่าสีผสมอาหาร 3 ชนิด
สศก.เปิดเผยศึกษาลำไยนอกฤดู ยันเกษตรกรได้รับผลคุ้มค่า แนะตั้งกลุ่มส่งเสริมจริงจัง
โอกาสของเกษตรกรรายย่อยในการรับรองฟาร์มแบบกลุ่ม
มะนาวพันธุ์ 'แป้นดกพิเศษ' ดกกว่าพันธุ์แป้นรำไพ 2-3 เท่า