เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 52
นายธีระ วงศ์สมุทร รมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เตรียมการด้านการผลิตข้าวและมันสำปะหลัง ซึ่งคาดว่าจะมีราคาสูงขึ้น ทำให้เกษตรกรปลูกพืชดังกล่าวเพิ่มมากขึ้น โดยเบื้องต้นได้ดำเนินงานตามแผนการบริหารจัดการน้ำ รวมทั้งกำหนดเป้าหมายการเพาะปลูกพืชฤดูแล้งทั้งประเทศในปี 2552/53 โดยเฉพาะข้าวอย่างใกล้ชิด ควบคู่ไปกับการแก้ไขปัญหาเพลี้ยแป้งมันสำปะหลัง ซึ่งการดำเนินการทั้งหมดจะเร่งรัดให้มีความต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อภาคการผลิต รวมถึงราคาข้าวและมันสำปะหลังในรอบปีที่มีการผลิตและมีราคาสูงในปีนี้
ทั้งนี้ จากการที่นักเศรษฐศาสตร์ได้วิเคราะห์แนวโน้มราคาสินค้าเกษตรสำคัญๆ ของไทย เช่น ข้าว ยางพารา มันสำปะหลัง อ้อย ในปีหน้าจะปรับเพิ่มขึ้นประมาณ ร้อยละ 10 - 20 หรือเฉลี่ย ร้อยละ 15 และคาดว่า จะทำให้ภาคเกษตรของไทยในปีหน้าเติบโตเพิ่มขึ้นได้ร้อยละ 3 -5 จากปีนี้ ประกอบกับได้มีการประเมินสภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั้งประเทศ ซึ่งขณะนี้มีปริมาณน้ำต้นทุนรวม 58,554 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็น 80% ของความจุ เนื่องจากได้รับผลดีจากพายุกฤษณาที่สามารถเพิ่มปริมาณน้ำในเขื่อนขนาดใหญ่มากขึ้น แต่ก็ยังอยู่ในเกณฑ์น้อยกว่าปริมาณน้ำต้นทุนในปีที่ผ่านมา จึงกำหนดพื้นที่ปลูกพืชฤดูแล้งทั้งสิ้น 12.28 ล้านไร่ แยกเป็น ข้าวนาปรัง 9.5 ล้านไร่ แบ่งเป็นในเขตชลประทาน 7.5 ล้านไร่ และนอกเขตชลประทาน 2 ล้านไร่ พืชไร่-ผัก 2.78 ล้านไร่ แบ่งเป็น ในเขตชลประทาน 0.78 ล้านไร่ และนอกเขตชลประทาน 2 ล้านไร่ คาดว่า มูลค่าผลผลิตรวมประมาณ 89,000 ล้านบาท แบ่งเป็น ข้าวนาปรัง 74,000 ล้านบาท พืชไร่ 9,000 ล้านบาท และพืชผัก 6,000 ล้านบาท
นายธีระกล่าวต่อว่า สำหรับผลผลิตมันสำปะหลังปี 2552/53 มีแนวโน้มว่าจะลดลง 25-30% หรือมีหัวมันสดเหลือเพียง 20 ล้านตัน จากที่คาดว่าจะมีผลผลิต 27.7 ล้านตัน ซึ่งเป็นผลจากการระบาดหนักของเพลี้ยแป้ง ทำให้ราคาหัวมันสดปรับตัวสูงสุดในรอบ 12 ปี นับจากปี 2540 โดยอยู่ที่ กก.ละ 2.25 บาท สูงกว่าราคาประกันรายได้และราคารับจำนำ
ที่มา : หนังสือพิมพ์แนวหน้า วันที่ 3 ธันวาคม 2552
http://www.naewna.com/news.asp?ID=189868