เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 52
เมืองกาฬสินธุ์ เร่งปรับยุทธศาสตร์เพาะปลูกมันสำปะหลัง อ้อย ข้าว ด้วยยึดแนวทางเกษตรอินทรีย์สร้างผลผลิตต่อไร่เพิ่มขึ้น ผลการทดลองปลูกมันสำปะหลัง ผลผลิตเพิ่มชัดเจนจาก 3 ตัน เป็น 10 ตันต่อไร่
นายเดชา ตันติยวรงค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ เป็นประธานการประชุม เพื่อกำหนดยุทธศาสตร์การพัฒนาพืชพลังทดแทน ซึ่งจ.กาฬสินธุ์ นำเอามันสำปะหลัง อ้อย และข้าว ที่เป็นพืชที่เพาะปลูกมากที่สุดในภาคอีสาน มาเข้าแผนปรับปรุงระบบการเพาะปลูก ด้วยแนวทางเกษตรอินทรีย์ให้เกิดผลผลิตต่อไร่เพิ่มขึ้น
ผู้ว่าฯ กาฬสินธุ์ กล่าวว่า พื้นที่ส่วนใหญ่ปลูกพืชเศรษฐกิจหลัก ได้แก่ ข้าว อ้อย และมันสำปะหลัง โดยปลูกมันสำปะหลัง 355,925 ไร่ ปลูกอ้อยโรงงาน 443,751 ไร่ แต่ยังพบว่าเกษตรกรประสบปัญหาขาดทุน เพราะเกณฑ์ผลผลิตที่ออกมาต่อไร่ยังต่ำไม่คุ้มต่อการลงทุน แต่ผลจากการทดลองเพิ่มผลผลิตตามยุทธศาสตร์การพัฒนาภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่เน้นเป็นฐานการผลิตอาหาร และพืชพลังงานทดแทนของประเทศ พบว่าหากเกษตรกรปรับปรุงแนวทางการผลิตด้วยนำเกษตรอินทรีย์เข้ามาปรับใช้ จะทำให้ผลผลิตเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะมันสำปะหลัง จากเดิมที่เคยได้เพียง 3 ตันต่อไร่ ก็ได้ผลผลิตมากถึง 10 ตันต่อไร่
ดังนั้น ปี 2552 จังหวัดจึงจัดแผนบูรณาการให้สำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัด ร่วมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินโครงการส่งเสริมการผลิตพืชพลังงานทดแทน ปี 2552 โดยการปรับปรุงคุณภาพดินด้วยปุ๋ยอินทรีย์ ซึ่งมีการนำร่องกับเครือข่ายเกษตรกรไร่มันสำปะหลังจำนวน 300 ราย
ที่มา : หนังสือพิมพ์คม ชัด ลึก วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2552
http://www.komchadluek.net/2009/02/03/x_agi_b001_335076.php?news_id=335076