สูตรน้ำข้าวกล้องขึ้นโต๊ะเสวย
เมื่อวันที่ 6 มกราคม 52
สูตรน้ำข้าวกล้องขึ้นโต๊ะเสวย
สำนักพัฒนาข้าว เผยเคล็ดต้มข้าวอย่าให้เดือดนานเกินชาวบ้านทำกินกันเองได้ง่าย
สำนักพัฒนาผลิตภัณฑ์ข้าว เผยสูตรน้ำข้าวกล้องงอก ขึ้นโต๊ะเสวย "ในหลวง" ชาวบ้านทำกินเองได้ง่ายราคาไม่แพง สารอาหารครบถ้วน อธิบดีกรมการข้าว รายงาน รมต.เกษตรฯ-ปลัดฯ นำข้าวกล้องงอกปลุกกระแสให้คนไทยรู้คุณค่าข้าวไทย ช่วยเพิ่มรายได้ชาวนา ขณะที่สำนักพัฒนาผลิตภัณฑ์ข้าว เตรียมสาธิตวิธีทำน้ำข้าวกล้องงอก ในวันพุธที่ 7 ม.ค.นี้ เวลา 9 โมงเช้าเป็นต้นไป หลังมีประชาชนสนใจโทรฯ สอบถามจำนวนมาก
ตามที่หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ เสนอข่าวอันเป็นมหามงคล กรณี “น้ำข้าวกล้องงอก” ได้ขึ้นโต๊ะเสวยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องจากมีสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายครบถ้วน จนมีประชาชนโทรศัพท์เข้ามาสอบถามถึงสูตร ขั้นตอน และวิธีการทำน้ำข้าวกล้องงอกดังกล่าว ที่สำนักงานหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ เป็นจำนวนมากนั้น
ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 5 ม.ค. นายประเสริฐ โกศัลยวิตร อธิบดีกรมการข้าว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้สัมภาษณ์ว่าหลังจากที่กรมการข้าว ได้เผยแพร่เรื่องราวของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ โปรดเสวยน้ำข้าวกล้องงอก ทำให้มีประชาชนให้ความสนใจเป็นจำนวนมากโทรศัพท์เข้ามาสอบถามสูตรน้ำข้าวกล้องงอก และเดินทางมายังกรมการข้าว เพื่อมาติดต่อซื้อเมล็ดข้าวกล้องไปปรุงรับประทานเองที่บ้าน ทางกรมฯ จึงตกลงที่จะจัดสาธิตวิธีการทำน้ำข้าวกล้องงอก และสาธิตการหุงข้าวกล้อง ให้นุ่มนวล มีรสชาติอร่อย ในวันพุธที่ 7 ม.ค.นี้ จัดโดยสำนักพัฒนาผลิตภัณฑ์ข้าว กรมการข้าว ตั้งอยู่ภายในมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน กรุงเทพ มหานคร ตั้งแต่เวลา 09.00 น. เป็นต้นไป
อธิบดีกรมการข้าว กล่าวต่อว่า สำหรับข้าวกล้องงอกที่เป็นวัตถุดิบในการทำน้ำข้าวกล้อง งอกนั้นทางกรมฯ มีจำนวนจำกัด ดังนั้นหากประชาชนสนใจที่จะซื้อให้ไปซื้อได้ที่ศูนย์ศิลปาชีพทุกสาขา โดยเฉพาะที่ศูนย์ศิลปาชีพ จ.อุบลราช ธานี จะมีจำหน่ายเป็นจำนวนมาก สำหรับกระแสข่าวนี้ที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากในเวลาอันรวดเร็ว เพราะคนไทยบริโภคข้าวมาตลอดชีวิต แต่คนไทยส่วนใหญ่ยังไม่รู้ว่าการบริโภคที่ถูกต้องจะต้องทำอย่างไรให้คุณค่าทางโภชนาการ และสารอาหารยังอยู่ครบถ้วน โดยเฉพาะในข้าวกล้อง ซึ่งยังมีจมูกข้าว และเยื่อหุ้มเมล็ดข้าวที่เป็นสีน้ำตาลและสีแดง จะให้ประโยชน์ต่อร่างกายอย่างครบถ้วน ทั้งวิตามิน เกลือแร่ และแคลเซียม
นายประเสริฐกล่าวต่อว่า นอกจากนี้ในน้ำข้าวกล้องงอกยังมีสิ่งพิเศษในเรื่องของสารกาบ้า และสารต้านอนุมูลอิสระอีกหลายตัว ที่เราไม่จำเป็นต้องไปหาซื้ออาหารเสริมมารับประทานให้เปลืองเงินเลย และไม่ต้องเสียเวลาสกัดสารอาหารออกมาให้ยุ่งยากเหมือนกับอาหารเสริม หรือเครื่องดื่มบำรุงร่างกายบางตัวที่โฆษณาสรรพคุณจนเป็นยาครอบจักรวาล ทั้งนี้ ตนได้รายงานเรื่องนี้ให้กับนายธีระ วงศ์สมุทร รมว.เกษตรและสหกรณ์ และนายจรัลธาดา กรรณสูตร ปลัดกระทรวงเกษตรฯ ทราบแล้ว ทั้งสองท่านดีใจมากที่คนไทยหันมาเห็นคุณค่าของข้าวไทย ถือเป็นการช่วยเกษตรกรให้มีรายได้เพิ่มขึ้นด้วย ทั้งในเรื่องการแปรรูปข้าวให้เป็นอาหารที่หลากหลายชนิด และยังทำขายได้ด้วยโดยมีกรรมวิธีง่าย ๆ แต่มีประโยชน์ต่อส่วนรวม ซึ่งเราได้เร่งวิจัยต่อยอดสรรพคุณของข้าวในด้านอื่น ๆ ควบคู่ไปด้วย
ด้านนางลัดดาวัลย์ กรรณนุช ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาผลิตภัณฑ์ข้าว กรมการข้าว เปิดเผยสูตรการทำน้ำข้าวกล้องงอก ที่นำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ว่าเริ่มจากเมล็ดข้าวกล้องใหม่ 100 กรัม หรือ 1 ขีด จะต้องซาวน้ำล้างเอากรวดทรายออกก่อนหนึ่งครั้ง แล้วนำไปแช่น้ำประมาณ 1 ลิตร ทิ้งไว้ประมาณ 5-6 ชม. ก็จะเกิดเป็นตุ่มงอกสีขาวขึ้นมาที่เมล็ดข้าวพอมองเห็น จากนั้นให้เอาขึ้นนำมาผึ่งให้แห้ง แล้วนำไปต้มใช้ไฟปานกลางให้เดือด แต่อย่าให้เดือดมาก เพราะถ้าร้อนมากเกินไป สารกาบ้าจะถูกทำลายมาก หากเดือดพอดีให้เคี่ยวไปสัก 15-20 นาที สารกาบ้าจะยังอยู่ในข้าวถึง 70 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นปริมาณเพียงพอต่อร่างกาย
“เสร็จแล้วใช้ผ้าขาวบาง หรือกระชอน กรองน้ำออกมาดื่ม เพิ่มรสชาติโดยโรยเกลือป่นให้ออกเค็มเล็กน้อย ก็จะเพิ่มความอร่อย นอกจากความหอมหวานที่มีอยู่ในน้ำข้าวกล้องงอกแล้ว ทั้งหมดนี้เป็นสูตรที่ศูนย์วิจัยพันธุ์ข้าวปทุมธานี ทำเพื่อทูลเกล้าฯ ถวายในหลวง ทุก 3 วัน ส่วนการหุงข้าวกล้องให้ได้รสชาติอร่อย นุ่มลิ้น จะต้องนำข้าวกล้องไปแช่น้ำสัก 1 ชั่วโมง ให้เมล็ดข้าวบานออกเล็กน้อยก็หุงได้ทันที จะทำให้เมล็ดข้าวนุ่ม น่ารับประทานมาก การหุงข้าว จะทำให้สารกาบ้าถูกทำลายไปประมาณ 40 เปอร์เซ็นต์ แต่กาบ้าที่เหลือก็เพียงพอต่อร่างกายที่จะต้องบริโภคทุกวันอยู่แล้ว แต่ถ้าเราทำให้ข้าวกล้องงอกขึ้นมา จะเพิ่มคุณค่าสารอาหารขึ้นอีก 10 เท่าเลยทีเดียว” นางลัดดาวัลย์ กล่าวตอนท้าย
ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 6 มกราคม 2552
http://www.dailynews.co.th/web/html/popup_news/Default.aspx?Newsid=187091&NewsType=1&Template=1
ข่าวที่เกี่ยวข้อง ทางเลือก-ทางรอดเกษตรกรรมไทยในปี 2553
มันสำปะหลังทุบสถิติส่งท้ายปี สูงเกินราคาประกันรัฐบาล คาดปีหน้ายังพุ่งขึ้นต่อเนื่อง
เตือนภัย เพลี้ยแป้งระบาดในมันสำปะหลัง
อียูลดค่าสีผสมอาหาร 3 ชนิด
สศก.เปิดเผยศึกษาลำไยนอกฤดู ยันเกษตรกรได้รับผลคุ้มค่า แนะตั้งกลุ่มส่งเสริมจริงจัง
โอกาสของเกษตรกรรายย่อยในการรับรองฟาร์มแบบกลุ่ม
มะนาวพันธุ์ 'แป้นดกพิเศษ' ดกกว่าพันธุ์แป้นรำไพ 2-3 เท่า